พวกเราขอพักเรื่องของ Block Trade มาพูดถึงเรื่องที่ร้อนแรงและสำคัญไม่แพ้กันอย่าง Fund Flow กันนะครับ ซึ่งเราให้น้ำหนักกับเรื่องนี้เป็นปัจจัยต้น ๆ ในการกำหนดทิศทางตลาด โดยรับรองว่ามันจะสร้างประโยชน์ให้กับนักลงทุนอย่างแน่นอน
พวกท่านสามารถติดตามบทความชุดต่อเนื่องเรื่องใหม่ได้จากนี้เป็นต้นไป โดยเริ่มจากเรื่องที่เราอยากให้ทุกท่านทราบมากที่สุด คือ ความสัมพันธ์ของตลาดหุ้นกับตลาด TFEX และแนวโน้มของผลกระทบในอนาคต

TFEX เปรียบเสมือนโลกใบที่ 2 ของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย
ย้อนกลับไปเมื่อ 13 ปีก่อน วงการตลาดทุนไทยได้มีข่าวดีเกิดขึ้น คือการจัดตั้งตลาดตราสารอนุพันธ์แห่งประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หรือที่พวกเราเรียกติดปากกันว่าตลาด TFEX ซึ่งคำโฆษณาชักชวนในสมัยนั้น ได้พูดถึงว่าตลาดนี้จะเข้ามาเพื่อส่งเสริมการลงทุนในตลาดหุ้นให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยชูโรงเรื่องประโยชน์ในการใช้ป้องกันความเสี่ยงเป็นหลัก จึงทำให้นักลงทุนหลายท่านเห็นด้วยและเริ่มก้าวเข้าสู่โลกใบนี้ แต่ใครจะไปคาดคิดว่าสิ่งของที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อส่งเสริมในวันนั้นจะกลายเป็นสิ่งที่เพิ่มความซับซ้อนให้กับตลาดหุ้นในวันนี้
เป็นธรรมดาของของที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ ย่อมถูกใส่ลูกเล่นที่จูงใจมากกว่าเก่า ไม่เว้นแม้แต่ตลาด TFEX ที่มีหลายอย่างตอบโจทย์นักลงทุน ทั้งเรื่องของการเพิ่มโอกาสลงทุนในทิศทางขาลง การใช้อัตราทดขยายอำนาจเงิน รวมไปถึงการเปิดรับนวัตกรรมใหม่ ที่ฉีกกฏการลงทุนแบบเดิม ๆ อย่าง Block Trade หรือกระทั่งการพัฒนาหุ่นยนต์ขึ้นมาเพื่อเทรดแทนมนุษย์ ทำให้นักลงทุนหลายท่านเริ่มรู้สึกว่าโลกใบนี้มันมีสิ่งที่น่าค้นหาและท้าทายมากกว่าโลกใบเดิม จึงเลือกที่จะย้ายถิ่นฐานมาตั้งหลักอย่างเต็มตัว และคงเป็นเรื่องปกติที่โลกคู่ขนานใบนี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น ซึ่งผมเชื่อว่าหลายคนคงทำใจยอมรับกับการมีตัวตนของตลาด TFEX มาบ้างแล้ว แต่ยังมีความจริงอีกหลายอย่างที่พวกท่านคาดไม่ถึง และความจริงเหล่านั้นกำลังเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของตลาดหุ้นตลอดไป

1.ตลาด TFEX มีมูลค่าการซื้อขายแซงหน้า SET ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 
อันที่จริงเรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายคนควรสังเกตเห็นกันตั้งนานแล้ว โดยเฉพาะนักลงทุนที่ลงทุนในตลาด TFEX อยู่เป็นประจำ แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมีน้อยคนนักที่สังเกตเห็น สาเหตุเป็นเพราะว่านักลงทุนถูกลวงตาด้วยความคุ้นชินกับการประกาศตัวเลขการซื้อขายที่อยู่คนละหน่วยกัน เนื่องจากตลาด TFEX รายงานตัวเลขการซื้อขายในรูป “จำนวนสัญญา” ไม่เหมือนกับตลาดหุ้นที่รายงานในรูปของ “มูลค่า” ที่ชัดเจนอยู่แล้ว จึงทำให้ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้โดยตรง และถูกทำให้เชื่อว่าตลาดหุ้นที่เกิดขึ้นมาก่อน ยังไงก็มีขนาดที่ใหญ่กว่าตลาด TFEX เอาละครับที่นี้ลองมาเฉลยความจริง โดยเปรียบเทียบให้อยู่ในหน่วยเดียวกัน ซึ่งเราสามารถแปลงจำนวนสัญญาให้เป็นมูลค่าได้ ดังรูป

รูปแสดงวิธีการแปลงจำนวนสัญญาในตลาด TFEX ให้เป็นมูลค่า

จากรูปจะเห็นว่า SET50 Index Futures 1 สัญญา มีมูลค่าประมาณ 2 แสนบาท ดังนั้นหากวันนึงมีการซื้อขายประมาณ 2.5 แสนสัญญา มูลค่ารวมจะสูงถึง 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับมูลค่าของตลาดหุ้นทั้งหมดต่อวัน และแน่นอนว่ามันมากกว่ามูลค่าของ SET50 Index เพียงอย่างเดียว ทีนี้เราลองมาดูสถิติย้อนหลังเพื่อทำการเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของทั้ง 2 ตลาดกันผ่านกราฟด้านล่าง

กราฟแสดงมูลค่าของ SET50 Index กับ SET50 Index Futures รายไตรมาส 8 ปีย้อนหลัง

จากกราฟพบว่าหากย้อนกลับไป 8 ปีก่อน SET50 Index Futures ยังมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยเพียง 1 หมื่นล้านบาทต่อวัน ซึ่งคิดเป็น 60 %ของ SET50 Index ที่เป็นสินค้าอ้างอิง แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขมีการโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งไตรมาสสุดท้ายของปี 2018 ตัวเลขกลับทวีคูณขึ้นมาแตะระดับ 120% และที่สำคัญตัวเลขที่เห็นนี้ ยังไม่ได้นับรวม Single Stock Futures ที่เป็นผลิตภัณฑ์อันดับ 1 ในตลาด TFEX อีกด้วย โดยใครจะไปคาดคิดว่าตลาดที่พึ่งเกิดขึ้นมาใหม่จะใช้เวลาเพียง 10 กว่าปี ในการแซงหน้าตลาดหุ้นหลัก และผมเชื่อว่าพวกท่านคงสามารถคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตได้อย่างไม่ยากนักว่าจะเป็นเช่นไรต่อ ซึ่งนี้แหละครับคือความจริงประการแรกที่สังคมการลงทุนควรรับรู้
แน่นอนว่าการขยายตัวที่รวดเร็วของตลาด TFEX คงทำให้หลายคนเกิดความสงสัย ว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนผลักดันให้เติบโตได้ถึงเพียงนี้ พวกเราจึงทำการรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการซื้อขายของนักลงทุนทุกกลุ่มเพื่อหาคำตอบ จึงได้ข้อมูลที่น่าตกใจว่ามีนักลงทุนอยู่กลุ่มหนึ่งที่เขาเห็นและจัดเตรียมการลงทุนมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งนักลงทุนกลุ่มนั้นจะเป็นใคร พวกท่านสามารถค้นหาความจริงเรื่องที่ 2 ได้ต่อจากนี้

2.นักลงทุนต่างชาติเข้ามาเป็นผู้เล่นหลักในตลาด TFEX เช่นเดียวกับตลาดหุ้น

ในปีที่แล้วพวกเราได้ออกบทความที่ทำให้ทุกคนได้รับรู้ว่าต่างชาติกลายเป็นผู้เล่นอันดับ 1 ในตลาดหุ้น และในปีนี้ภาพที่คล้ายกันกำลังจะเกิดขึ้นในตลาด TFEX ! อย่างที่รู้กันในตลาด TFEX มีการแบ่งนักลงทุนออกเป็น 3 กลุ่มตามที่คุ้นเคยจากตัวเลขยอดซื้อขาย ณ สิ้นวัน คือ นักลงทุนรายย่อย นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งต่างจากในตลาดหุ้นที่มี 4 กลุ่ม (โดยกองทุนและโบรคเกอร์จะถูกยุบลงไปในหมวดเดียวกันในตลาด TFEX) ดังนั้นเราลองไปดูตัวเลข Market Share ของ SET50 Index Futures กันดีกว่า

กราฟแสดงสัดส่วนการลงทุนใน SET50 Index Futures ของนักลงทุนทั้ง 3 กลุ่ม รายไตรมาส 8 ปีย้อนหลัง

จากกราฟพบว่าผู้เล่นที่สัดส่วนการซื้อขายมากที่สุดยังคงเป็นรายย่อย ซึ่งครอง Market Share ประมาณ 50%-60% (แม้จะดูซึม ๆ ลงมาบ้างในช่วง 2-3 ปีหลัง) แต่ที่น่าสนใจคือในส่วนด้านล่าง จะสังเกตว่าเส้นสีฟ้า มีแนวโน้มแซงเส้นสีส้มขึ้นมา แตกต่างจากในอดีตที่เส้นสีส้มนั้นทิ้งห่างจากสีฟ้าชนิดเทียบกันไม่ได้ แล้วพวกท่านคิดว่าเส้นสีฟ้าเป็นนักลงทุนกลุ่มใด ? คำตอบคือ “นักลงทุนต่างชาติ” นี่คือเรื่องจริงที่ปัจจุบันนี้ในตลาด SET50 Index Futures มีสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น และกำลังแซงสถาบันขึ้นไปเป็นอันดับ 2 ซึ่งนี่เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ตลาด TFEX มีมูลค่าพลิกแซงตลาดหุ้น จึงหมายความว่านักลงทุนต่างชาติเขามีแนวโน้มเพิ่มสัดส่วนการลงทุนทั้งในตลาดหุ้นและตลาด TFEX มานานแล้ว และมากพอที่จะทำให้อะไรหลาย ๆ อย่างนั้นเปลี่ยนไปด้วย แล้วพวกท่านที่อ่านบทความมาถึงตรงนี้เริ่มรับรู้หรือยังครับ ว่านักลงทุนต่างชาติเขากำลังมีมุมมองต่อทั้ง 2 ตลาดนี้อย่างไร ? พวกท่านสามารถหาคำตอบได้ในความจริงส่วนสุดท้ายของบทความนี้ และมันจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเฉลยว่าตลาด TFEX ส่งผลกระทบอย่างไรต่อตลาดหุ้น

3.นักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มลงทุน TFEX ก่อนที่จะลากตลาดหุ้น
             หลังจากที่พวกเรารู้ว่านักลงทุนต่างชาติเป็นผู้เล่นหลักทั้งในตลาดหุ้นและตลาด TFEX เราจึงให้ความสำคัญกับนักลงทุนกลุ่มนี้ และเริ่มทำการศึกษาพฤติกรรมการซื้อขายของพวกเขาเพื่อดูว่ามีกลยุทธ์อย่างไรในลงทุนทั้ง 2 ตลาด โดยเริ่มจากศึกษาถึงความสอดคล้องของยอดการซื้อขายในแต่ละวัน ว่าไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ กล่าวคือ เขาจะทั้งซื้อหุ้นและ Long TFEX หรือ ทั้งขายหุ้นและ Short TFEX ในวันเดียวกัน โดยสามารถดูได้จากตัวอย่างปี 2018 ดังรูป

รูปแสดงแนวโน้มการลงทุนของตลาดหุ้นและตลาด TFEX รายวันในปี 2018

จากรูปพบว่าในแต่ละวันนักลงทุนต่างชาติมีการลงทุนทั้ง 2 ตลาดในทิศทางเดียวกันเพียง 52% เท่านั้น ซึ่งขัดกับที่พวกเราคาดเอาไว้ เพราะคิดว่าพวกเขาน่าที่จะลากหรือทุบทั้ง 2 ตลาดไปพร้อม ๆ กัน และตัวเลขที่ผิดไปจากที่คาดนี้เอง ที่ทำให้เราได้พบว่ามันความจริงบางอย่างซ่อนอยู่ นั่นคือ พฤติกรรมการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติในทั้ง 2 ตลาด มีลำดับก่อนและหลัง เราสามารถหาคำตอบได้โดยพิจารณาออกเป็น 2 กรณี ดังนี้

กรณีที่ 1 ใช้ตลาดหุ้นนำตลาด TFEX => หมายถึง ในวันที่ T ต่างชาติจะทำการซื้อ(ขาย)หุ้น จากนั้นวันที่ T+1 เขาจะ Long(Short) TFEX ตาม

กรณีที่ 2 ใช้ TFEX นำตลาดหุ้น => หมายถึง ในวันที่ T ต่างชาติจะทำการ Long(Short) TFEX จากนั้นวันที่ T+1 เขาจะ ซื้อ(ขาย)หุ้นตาม
โดยได้ผลลัพท์ ดังนี้

รูปแสดงความสัมพันธ์ของการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นและตลาด TFEX

จากรูปใน กรณีที่ 1 การกระจายตัวของความสัมพันธ์มีแนวโน้มที่จะตกในช่วงใดของกราฟก็ได้ และจากตัวเลขพบว่า ต่างชาติจะลงทุนในตลาดหุ้น แล้วค่อยลงทุนในตลาด TFEX ในวันถัดมาในทิศทางเดียวกันเพียง 50% เท่านั้น
แต่ใน กรณีที่ 2 การกระจายตัวมีแนวโน้มอยู่ในช่วงขวาบน (เป็นบวกทั้งคู่) กับซ้ายล่าง (เป็นลบทั้งคู่) และจากตัวเลขพบว่า ต่างชาติจะลงทุนในตลาด TFEX แล้วค่อยลงทุนในตลาดหุ้นในวันถัดมาในทิศทางเดียวกันประมาณ 55-60% นอกจากนี้หากเราทำการตั้งสมมุติฐานเพิ่มเติมโดยนับเฉพาะวันที่มีการซื้อขายอย่างมีนัยสำคัญ จะสามารถคาดการณ์ได้ถึง 70% (โดยข้อมูลเชิงลึกในส่วนนี้จะมีการเปิดเผยเฉพาะกลุ่ม เนื่องจากเป็นข้อมูลที่เราใช้ในการลงทุนจริง) ซึ่งจากข้อมูลในส่วนนี้ทำให้รู้ว่า นักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มที่จะเก็บสะสมในตลาด TFEX ก่อนที่พวกเขาจะทำการ Action ในตลาดหุ้น และเนื่องจากปัจจุบันตลาด TFEX มีมูลค่าที่สูงกว่าตลาดหุ้น จึงทำให้ได้ข้อสรุปว่า นักลงทุนต่างชาติมีกลยุทธ์ในการใช้ตลาด TFEX เป็นช่องทางหลักในการทำกำไรแทนตลาดหุ้น
ต่อมาเป็นหลักฐานชิ้นสุดท้าย ที่จะยิ่งตอกย้ำถึงความสำคัญ Flow ของต่างชาติที่มีการซื้อขายในตลาด TFEX โดยเราจะทำการเปรียบเทียบ “การเคลื่อนไหวภายในวัน” ของวันที่ต่างชาติทำการ Long สุทธิ เพื่อดูว่าดัชนี SET50 Index Futures จะปรับตัวขึ้นตามแรงซื้อของ Flow ต่างชาติหรือไม่ ? โดยใช้ข้อมูลในครึ่งปีแรกของปี 2019 (มกราคม – มิถุนายน) และได้ผลสรุปดังรูป

จากตารางพบว่า ในครึ่งปีแรกของของปี 2019 ต่างชาติทำการ Long สุทธิทั้งหมด 62 วันทำการ โดยในแต่ละวันราคาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาเปิดถึง 44 วันทำการ ซึ่งคิดเป็นกว่า 70% บ่งชี้ให้เห็นถึงน้ำหนักความสำคัญของ Flow ต่างชาติที่มีอิทธิพลต่อการปรับตัวของตลาดทุนไทย และหากพิจารณาลึกลงไปกว่านั้น โดยคัดเฉพาะวันที่ต่างชาติ Long สุทธิมากกว่า 5000 สัญญา จะได้ผลลัพธ์ ดังนี้

รูปแสดงการเปลี่ยนแปลงของราคาเปิด-ปิด SET50 Index Futures ในวันที่ต่างชาติ Long สุทธิ “มากกว่า 5000 สัญญา”

จากตารางพบว่าในครึ่งปีแรกของปี 2019 มีวันที่ต่างชาติ Long SET50 Index Futures มากกว่า 5000 สัญญา จำนวน 36 วัน โดยราคาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาเปิดมากถึง 31 วัน ซึ่งคิดเป็นถึง 86% !! ทำให้ยิ่งแน่ชัดว่าการซื้อขาย SET50 Index Futures ของต่างชาติมีนัยสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทย
ซึ่งตรงนี้อาจยังไม่ใช่คำตอบที่ทุกท่านต้องการ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นไปแล้ว (ตลาดปิดแล้วตัวเลขต่างชาติค่อยประกาศ) โดยสิ่งที่พวกท่านอยากทราบ คือ กลุ่มใดกันแน่ที่เป็นกลุ่มที่ Predict ตลาดในวันถัดไป และคำตอบจะเป็นกลุ่มใดพวกท่านสามารถรอชมได้กันในบทความหน้า

ดังนั้นคงพอตอบคำถามได้แล้วใช่ไหมครับ ว่าทำไมในช่วงหลังนักลงทุนต่างชาติถึงมีการซื้อขายสุทธิในตลาด TFEX เป็นหมื่น ๆ สัญญา ทำไมตลาดหุ้นถึงขึ้นหรือลงอย่างไม่มีความสมเหตสมผล ซึ่ง 1 ในสาเหตหลักคงหนีไม่พ้นการมีตลาด TFEX ที่เพิ่มบทบาทและขยายตัวแซงหน้าตลาดหุ้นไทย รวมไปถึงนักลงทุนรายใหญ่ได้ทำการตั้งถิ่นฐานอยู่บนโลกในของตลาด TFEX ไปแล้ว และในตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ปัจจุบันตลาด TFEX ยังคงเป็นเครื่องมือของตลาดหุ้น หรือตลาดหุ้นกันแน่ ที่กลายเป็นเครื่องมือของตลาด TFEX

สุดท้ายพวกเรายอมเปิดเผยข้อมูลส่วนสำคัญในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นไพ่ใบแรกที่ทิ้งออกมา … โดยขอยืนยันว่า Fund Flow เป็น Key Factor สำคัญที่จะช่วยให้นักลงทุนสร้างสัญญาณการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น(แบบที่หลานท่านคาดไม่ถึง) และหากยังมีคนสนใจช่วยเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยการแสดงออกให้รับรู้ โดยการแชร์บทความ&เพจของเรา และเราจะลงรายละเอียดเพิ่มเติมในบทความถัด ๆ ไป ซึ่งจะทำให้พวกท่านเห็นถึงความสำคัญของนักลงทุนทุกกลุ่มในตลาดทุนไทย