แชร์ ประสบการณ์เทรด TFEX ด้วยเงิน 3 ล้านบาทใน 1 ปีที่ผ่านมา

กระทู้นี้เรามีความตั้งใจเขียนขึ้นมาเพื่อเป็นวิทยาทานให้กับทุกท่านที่ลงทุนในตลาด TFEX โดยมีแนวคิดที่ว่าในปีที่ผ่านมาไม่ว่าผลลัพธ์การลงทุนจะออกมาเป็นเช่นไร จะนำมาบอกเล่าให้ทุกท่านได้รับทราบถึงประสบการณ์ เพื่อใช้เป็นบทเรียนและแนวทางในการลงทุนต่อ โดยสัญญาว่าจะแชร์ข้อมูลทุกอย่างอย่างโปร่งใส ไม่มีการปกปิดบิดเบือนแต่อย่างใด

พวกเราเป็นหนึ่งในนักลงทุนรายย่อยที่มุ่งมั่นศึกษาการลงทุนในตลาด TFEX ด้วยความตั้งใจจริง และกล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่า เราต้องการสร้าง Passive Income จากการลงทุน TFEX แม้เรื่องนี้เราจะไปปรึกษากับใคร ต่างก็แสดงความหวังดีและความไม่เห็นด้วยกับเราทั้งสิ้น เพราะต้องยอมรับว่าในตลาดนี้คนที่ประสบความสำเร็จนั้นมีเพียงแค่หยิบมือ แต่พวกเราก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะเดินในเส้นทางนี้ต่อ โดยอาศัยความรู้จาก Pantip และบทความจากแหล่งต่างๆ มาพัฒนาแนวทางการเทรดของตนเอง และในระหว่างทางหากเราเห็นว่ามีเรื่องราวที่น่าสนใจ เราก็จะตอบแทนด้วยการแบ่งปันข้อมูลเหล่านั้นคืนกลับสู่สังคมการลงทุนผ่านกระทู้ที่เราเคยตั้งไว้

สำหรับกระทู้นี้ เราอยากแชร์..ประสบการณ์เทรด TFEX เรื่องราวการลงทุนตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักลงทุนท่านอื่นๆ ที่มีเป้าหมายเดียวกับเรา ตลอดจนแชร์ถึงจุดผิดพลาดเพื่อเตือนผู้ที่ยังไม่พร้อม เพื่อไม่ให้ก้าวเข้ามา หรือเข้ามาด้วยความระมัดระวังมากที่สุด นอกจากนี้เรายังอยากสร้างสิ่งตอบแทนคืนกลับสู่สังคมให้มากกว่าเดิม ส่วนจะเป็นอะไรนั้น ขอเชิญทุกท่านรับรู้ประสบการณ์ของรายย่อยคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนร่วมทางของพวกท่านได้ต่อจากนี้

รูปแสดงกำไรขาดทุนและสินทรัพย์รวม (Equity) พอร์ต TFEX ของพวกเราในปี 2562

แชร์ ประสบการณ์เทรด TFEX ด้วยเงิน 3 ล้านบาทใน 1 ปีที่ผ่านมา

ปีนี้พวกเราได้ผลตอบแทนต่ำกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย

จากรูปทั้งหมด เป็นหลักฐานทางการเงินที่แสดงการเคลื่อนไหวของพอร์ตการลงทุน TFEX ของพวกเราในปีก่อน (ข้อมูลส่วนนี้ทุกท่านสามารถขอกับทางที่ปรึกษาการลงทุนของท่านได้) โดยจะเห็นว่า ณ วันแรกเราเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินประมาณ 3.2 ล้านบาท และระหว่างทางก็มีทั้งกำไรและขาดทุนเกิดขึ้นตลอดทุกวันทำการ และ ณ วันที่ 30 ธ.ค. 62 เรามีสินทรัพย์รวมในพอร์ตประมาณ 5.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาทั้งสิ้น 2.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 69% ของเงินลงทุน ต่ำกว่าที่คาดหวังไว้ที่ 80%  โดยตัวเลขนี้เป็นตัวเลขที่ทำการหักค่าธรรมเนียมการซื้อขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในปีที่ผ่านเราเสียค่า Commission ไปทั้งหมด 9.3 แสนบาท

ทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่เห็น ตลาดสร้างความปวดหัวให้เราตลอดทั้งปี

ปีนี้เป็นปีที่ลงทุนยากที่สุดเป็นอันดับ 2 ใน 9 ปีที่เคยลงทุนมา เป็นรองเพียงปี 2017 ที่เกิดมหากาพย์ Sideway ติดต่อกันกว่า 8 เดือน โดยจะสังเกตได้ว่าระหว่างทางพอร์ตเรามีการปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุด (Drawdown) กว่า 30% ในบางช่วงเวลา โดยเฉพาะในวันที่ 27 ส.ค. 62 ที่ตลาดเปิดกระโดดผิดทางกับสถานะที่เราถือสร้างความเสียหายลึกถึง 4.4 แสนบาท หรือ 12% ภายในวันเดียว โดยเหตุการณ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่นักลงทุนในตลาด TFEX ต้องทำใจเผื่อไว้ และที่สำคัญต้องวางแผนในการบริหารเงินประกันเพื่อรองรับกับสถานการณ์ให้ได้ และอยากให้ทุกท่านมั่นใจว่าหากแนวทางการลงทุนของเราดีจริง มันจะสามารถทำกำไรกลับคืนมาได้ แม้ระหว่างทางจะมีช่วงเวลาเลวร้าย ที่สร้างความตึงเครียดให้กับพวกเราบ้างก็ตาม

ตลาดในปีที่ผ่านมาไม่ดี แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับการลงทุน TFEX

แม้ว่าปีนี้จะเผชิญกับสภาวะตลาดที่ค่อนข้าง Sideway แต่ก็ยังโชคดีที่ในระหว่างปีนั้น SET50 มีการเคลื่อนไหวขึ้นและลงมากกว่า 100 จุด จึงทำให้การลงทุนในตลาด TFEX ยังพอมีรอบทำกำไร ทั้งตอนที่ดีดตัวขึ้นและตอนย่อกลับลงมา โดยเรายอมรับว่าเราเป็นกลุ่มคนที่โชคดีที่สุดกลุ่มหนึ่ง ที่เดินเข้ามาในตลาด TFEX และได้พบกับบุคคลที่มีความรู้จริง ชี้แนะพวกเราไปในแนวทางที่ถูกต้อง จนสามารถอยู่รอดและทำกำไรในตลาดแห่งนี้ได้ และเพื่อเป็นการตอบแทน เราจึงอยากถ่ายทอดความรู้นี้ต่อไป … สำหรับบทความแรกของปีนี้ เราตัดสินใจออกจาก Safety Zone มาแชร์เรื่องราวที่ใครหลายคนมองว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการลงทุน ซึ่งก็คือเรื่องของ “Mindset”

Mindset ถือเป็นเรื่องที่เราอยากกระทบในการถ่ายทอดให้น้อยที่สุด เพราะเป็นประเด็นที่เปราะบางและพร้อมสร้างความขัดแย้งให้กลายเป็นเรื่องถกเถียงได้ในทุกๆ หัวข้อที่กล่าวถึง เพราะว่าบุคคลที่ประสบความสำเร็จไม่จำเป็นต้องมี Mindset แบบเดียวกัน บ้างเชื่อฝีมือตนเอง บ้างเชื่อในเทคโนโลยี ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่อาจไม่มีคำตอบที่ถูกต้องที่สุด ซึ่งเราก็พร้อมจะแชร์ Mindset ของเราในฐานะผู้อยู่รอดในตลาด TFEX คนหนึ่งเท่านั้น โดนหากแนวคิดที่เราแชร์ไป ไม่ตรงจริตใครหรือขัดกับตำราเล่มใด เราต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า …

สิ่งที่เรากำลังจะถ่ายทอด อาจทำให้พวกท่านรู้สึกแปลกหรือขัดใจ จนถึงขนาดที่คิดว่า คนแบบนี้สามารถทำกำไรได้จริงหรือ? ดังนั้น ไม่มีความจำเป็นที่ทุกท่านจะต้องเชื่อเรา แต่ขอให้ทุกท่านพึงนึกไว้เสมอ ว่าเราไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องโกหกทุกท่าน และถ้าเป็นไปได้ … เราอยากให้ทุกท่านอ่านให้จบ แล้วพวกท่านจะเข้าใจความคิด และบทความชุดถัดๆ ไป ของพวกเราในปีนี้ และเรามั่นใจว่ามันจะช่วยให้ใครหลายคนมีหลักยึดในการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

10 แนวคิดสำคัญที่พวกเราใช้ในการลงทุน TFEX

ตลอดช่วงเวลาที่เราลงทุนในตลาด TFEX เราได้ศึกษาและมีการลองผิดลองถูก รวมถึงแก้ไขในจุดที่ผิดพลาด มีการปรับเปลี่ยนทัศนคติในการลงทุนเพื่อหาแนวคิดที่ดีและเหมาะสม จนได้แนวคิดสำคัญ ที่เราสามารถตั้งมั่นและยึดถือ ที่นำพาพวกเรามาอยู่ในจุดนี้ โดยจะมีอะไรบ้าง และตรงกับที่พวกท่านใช้อยู่หรือไม่ เชิญรับรู้กันดังต่อไปนี้

1. เราใช้ Technical ในการซื้อขาย 100%

อาจมีหลายความเชื่อ หลายแนวคิด หรือหลายงานวิจัยที่ถกเถียงกันในประเด็น การใช้เครื่องมือทางเทคนิค สามารถทำกำไรได้ในตลาดหุ้นได้จริงหรือไม่? โดยพวกเราเองก็ไม่เคยให้ความสนใจในการร่วมวงสนทนาปากเปล่ากับประเด็นนี้ เพราะเราคิดว่า คำตอบมันไม่ได้อยู่ที่คำพูดหรือตัวอักษร แต่มันอยู่ที่การกระทำและผลลัพธ์ แม้เราจะไม่กล้าแสดงความมั่นใจอย่างที่สุด ว่าการใช้เทคนิคนั้นสามารถทำกำไรในตลาดหุ้นได้จริง แต่หากอ้างอิงกับอดีตมาจนถึงปัจจุบัน เรากล้าพูดได้เต็มปากว่าตลอดทุกวันทำการที่ผ่านมา เราใช้เพียงแค่เครื่องมือทางเทคนิคในกำหนดจุดตัดสินใจซื้อขายเท่านั้น ไม่มีการวิเคราะห์พื้นฐานเข้ามาเกี่ยวข้อง เราไม่เคยรู้ว่า GDP จะประกาศออกมาเท่าใด ไม่เคยสนใจว่าใครจะได้เป็นนายก หรือไม่เคยคิดคาดการณ์ว่าทรัมป์จะทวิตอะไร เราสนใจแค่การเคลื่อนไหวของแท่งสีเขียว-แดงในหน้าจอกราฟ และเส้นต่างๆ เพื่อใช้เป็นจังหวะตัดสินใจเปิด-ปิดสถานะ และที่สำคัญเครื่องมือที่ใช้ก็เป็นเพียงเครื่องมือพื้นฐานอย่างเส้น Moving Average และ จุดสูงสุด-ต่ำสุด เท่านั้น ไม่เคยนับ Wave หรือใช้ Indicator ที่ซับซ้อนแต่อย่างใด และหากใครที่ยังลังเลกับคำตอบของการใช้เทคนิคในการเล่น TFEX พวกเราขอเป็นแรงสนับสนุนให้ทุกท่าน ตั้งมั่นพัฒนาในความคิดนี้ต่อไป

“เราขอเป็น 1 ในกลุ่มคนที่อยู่ฝั่งแนวคิดที่ว่าเครื่องมือทางเทคนิคสามารถทำกำไรได้ เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเรามีชีวิตรอดจากการลงทุนมายืนยันกับพวกท่านจนถึงวันนี้”

2. เราคือผู้เชี่ยวชาญในการ Cut loss

หากต้องพูดถึงใครสักคนที่ Cut loss บ่อยที่สุดในตลาด TFEX เรามั่นใจว่าพวกเราเป็น 1 ในนั้นอย่างแน่นอน เพราะเรามีแนวคิดหนึ่งที่เอียงจัดและตั้งมันเป็นกฎในการลงทุน นั้นคือ การตั้งตัดขาดทุนล่วงหน้าในทุกครั้งที่เปิดสถานะ เราไม่เคยสนใจวิเคราะห์เลยแม้แต่ครั้งเดียว ว่าครั้งไหนเจ้าดักกิน Stop loss หรือครั้งไหนราคาจะดีดกลับทางเดิม เพราะเราคิดไว้แต่เพียงว่า หากถ้าเราตัดสินใจเลือกไม่ยอม Cut loss ในครั้งใดครั้งหนึ่ง แล้วเกิดความผิดพลาดที่ตลาดยังคงเคลื่อนไหวผิดทางกับสถานะที่เราถือครองต่อ คงสร้างความเสียหายให้กับพอร์ตของเราเกินกว่าจะแก้ไขได้ และด้วยแนวคิดเช่นนี้จึงทำให้ผลลัพธ์ของเรากลายเป็นคนที่ Cut loss บ่อยที่สุดในตลาด ซึ่งหากย้อนอดีตไปได้ ถามว่าเราเสียใจกับครั้งที่ Cut loss แล้วดีดหรือไม่ คำตอบคือ ไม่เลยครับ แถมคงยังขอบคุณกับแนวคิดนี้ เพราะหากไม่มีมัน เราคงมีชีวิตการลงทุนที่สั้นกว่านี้ไปนานแล้ว โดยบางครั้งการ Cut loss บ่อยๆ ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่แย่เสมอไป เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นบทพิสูจน์ให้รู้ว่า เราเป็น 1  ในคนที่มีวินัยที่สุดในการลงทุน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่นักลงทุนจะทำได้ และสำหรับใครที่เลือกใช้แนวคิดนี้ และต้อง Cut loss บ่อยๆ เราขอให้ทุกท่าน อย่าเบื่อ อย่าท้อ และที่สำคัญ … อย่าหยุด เพราะสุดท้ายมันจะทำให้ท่านเป็น 1 ในคนที่ไม่มีวันหมดตัวออกจากตลาดอย่างแน่นอน เชื่อพวกเราเถอะนะครับ … พวกเราต้องคอยปลอบใจนักลงทุนที่ไม่ยอม Cut loss มาหลายคนแล้ว

“เรายอมเจ็บตัวจากความผิดพลาดในการ Cut loss นับพันครั้ง แต่จะไม่มีวันยอมหมดตัวจากความผิดพลาดในการไม่ยอม Cut loss เพียงครั้งเดียว”

3. เราเป็นนักลงทุนสายตามแนวโน้ม (Trend Follower)

นี้เป็นอีก 1 แนวคิดที่หลายคนมองว่าล้าสมัยหรืออาจไม่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะตลาดการเงินในยุคนี้มีสไตล์การเทรดเกิดขึ้นมามากมาย ทั้งการเล่นสั้นแบบ High Frequency Trade หรือการสร้างกลยุทธ์ในการวาง Zone รับซื้อเพื่อเก็บกินกระแสเงินที่ความเสี่ยงต่ำกว่า และไม่ต้องมานั่งหงุดหงิดกับสภาวะ Sideway ที่ต้องทำใจ Cut loss ไปเรื่อยๆ ทำให้มีนักลงทุนหลายท่านเชื่อว่าการลงทุนตามแนวโน้มอาจไม่ใช่คำตอบของตลาดหุ้นไทยอีกต่อไป แต่พวกเราขอเป็น 1 ในกลุ่มคนที่ออกมาโต้แย้งกับประเด็นนี้ เราไม่เถียงเรื่องที่ว่าในปัจจุบัน Trend จะมีให้เห็นน้อยลงและสั้นขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะใช้ทำกำไรไม่ได้ ในทุก Order ที่เราซื้อขาย เรายึดหลักการตามแนวโน้มเสมอ เรายอมเคาะซื้อแพงกว่าคนอื่นในขณะนั้นเพื่อแลกกับการไม่ต้องวิเคราะห์คาดเดาจุดต่ำสุดของกราฟที่มีเพียงแค่จุดเดียว เรายอมคืนกำไรส่วนหนึ่งให้ตลาดเพื่อแลกกับการที่ตลาดเฉลยตัวเองว่าจบรอบ และเราอดทนเพื่อรอทำกำไรเฉพาะครั้งที่มี Trend เท่านั้น แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดและขัดใจ และคงมีคนคิดว่าสามารถทำได้ดีกว่านั้นทั้งการหาจุดเข้า-ออกที่มีประสิทธิภาพ การหาจังหวะเทรดเฉพาะครั้งที่เป็น Trend แต่สำหรับเราในปัจจุบันเรารู้ตัวดีและยอมรับว่าตลาดมีความซับซ้อนเกินกว่าที่จะคาดการณ์ได้ จึงเลือกกลยุทธ์ในแบบที่เหมาะสมกับพวกเรา แล้วพวกท่านที่เป็นมือใหม่ละครับ มีความคิดเห็นเหมือนกับพวกเราไหม?

“พวกเราเคยเป็นนักลงทุนที่พยายามหาจังหวะซื้อขายที่ดีที่สุด สุดท้ายเราก็พลาด Trend ใหญ่และติดดอยจากความพยายามเหล่านั้น”

4. เราไม่เคยยึดติดในเรื่องของความแม่นยำในการเทรด

นี่เป็นแนวคิดสำคัญที่ช่วยดึงสติของเราให้หลุดออกจากทุ่งลาเวนเดอร์กลับเข้ามาสู่โลกแห่งความจริง เพราะหากนักลงทุนท่านใดที่ใช้แนวคิดในข้อ 2 กับ 3 แล้วนั้นก็ “บอกลาความแม่นยำในการเทรดได้เลย”  เป็นธรรมดาของนักลงทุนที่ต้องการรัน Trend เพื่อกินคำใหญ่ แต่เวลาเสียอยากเสียให้น้อยที่สุดที่จะต้องแลกกับความแม่นยำที่ต่ำ โดยหากพิจารณาจากข้อมูลกำไร/ขาดทุนของพวกเราจะพบว่าใน 250 วัน เราได้กำไรเพียงแค่ 100 วัน หรือคิดเป็นเพียง 40% เท่านั้น นั่นหมายความว่าเรามีวันที่มีความสุขน้อยกว่าวันที่เศร้าใจ และนี่คือสิ่งที่เราขอยืนยันกับทุกท่านว่า “มันจะเกิดขึ้นกับทุกคนที่เดินสาย Trend Follow” เราเองก็อยากได้เครื่องมือที่ทำกำไรเยอะและบ่อยเหมือนกับทุกคน แต่ถ้าหาก Logic ที่กินคำใหญ่ ตัดขาดทุนสั้นๆ และยังแม่นยำเกิน 50% มีอยู่จริง พวกเราคงได้เห็นนักลงทุน TFEX กำไรกันมากกว่าครึ่งประเทศไปแล้ว ดังนั้น หากมันหาได้ยากหรือไม่มี ก็เลือกที่จะยอมรับความจริง และทำกำไรในแบบที่ไม่ฝืนธรรมชาติจะดีกว่า เพราะในบางครั้งการลดความคาดหวังลงมาให้ตรงกับความเป็นจริง อาจทำให้พวกท่านเจอทางสว่างก็ได้นะครับ …

“เราไม่เคยสนใจว่าจะต้องเล่นไพ่ให้ชนะเจ้ากี่ตา เราขอแค่ตอนลุกออกจากโต๊ะเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นก็พอแล้ว”

5. เราคิดว่าตัวเองมีโอกาสเป็นผู้แพ้ในทุกครั้งที่เทรด และไม่เคยคาดหวังกับการเป็นที่ 1

นี่อาจจะเป็น 1 ในตรรกะของ Loser ที่หลายคนคิดว่า คนที่มีความคิดแบบนี้สามารถทำกำไรในตลาดได้จริงหรือ ? เพราะในทุกครั้งที่เราเทรด เรามักจะคิดอยู่เสมอว่า Order ที่เข้าไปจะมีโอกาสจะขาดทุน เพื่อเตือนสติและลดความมั่นใจในตัวเองลงมา ทำให้ไม่เคยลังเลในการตัดขาดทุน และเราไม่เคยคิดอยากจะเป็นคนที่ได้กำไรมากที่สุดในตลาด และไม่หวังกำไรเป็น 100 เป็น 1000% ในครั้งเดียว ทำให้เราไม่คิดที่จะเพิ่มจำนวนสัญญาเกินกว่าแผนที่วางไว้ (Overtrade) โดยความคิดในเชิงลบเหล่านี้ กลับทำให้เรามีความนิ่งและลดโอกาสเสียจริตทำนอกเหนือแผนการ แม้มันอาจทำให้เราไม่เท่ห์เหมือนคนอื่น ไม่มีเหรียญทองมาคล้องคอ หรือไม่สามารถเรียกยอดไลก์ได้ แต่มันก็ช่วยรักษาตัวเราทำให้ไม่เคยหลุดเรื่องวินัยในเรื่องของ Money Management ช่วยให้พอร์ตอยู่รอดในระยะยาวมาจนถึงวันนี้ และไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาเราไม่เคยอยากเป็นที่ 1 นะครับ แต่เพราะเราต้องกลับมาเริ่มนับ 1 ใหม่จากความพยายามเป็นที่ 1 มาหลายครั้งแล้ว หากใครที่ยังติดนิสัย Overtrade อยู่ ลองเอาแนวคิดนี้ไปปรับใช้ และเมื่อเวลาผ่านไป พวกท่านอาจมองย้อนกลับมาดูตัวเอง และขำในความมั่นใจของตัวเองในอดีตก็เป็นได้

“เราไม่เคยอยากเป็นแชมป์เปี้ยนในการแข่งขัน เราต้องการแค่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้”

6. เราเป็นคนกลัวความเสี่ยงมากที่สุดคนหนึ่งในตลาด

แชร์ ประสบการณ์เทรด TFEX ด้วยเงิน 3 ล้านบาทใน 1 ปีที่ผ่านมา

พอเราบอกกับใครในเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าเราโกหก โดยให้เหตุผลแย้งกลับมาว่า ถ้ากลัวความเสี่ยงแล้วจะมาเล่น TFEX ทำไม? แต่เราขอยืนยันว่าเราไม่เคยโกหก สำหรับเราตลาด TFEX ช่วยให้ความเสี่ยงน้อยลงเสียด้วยซ้ำ! เราเข้ามาในเล่น TFEX เพราะรู้ว่ามันจะช่วยเพิ่มทางเลือกในการทำกำไรขาลง ไม่ต้องหวังพึ่งเฉพาะขาขึ้น นอกจากนี้การใช้อัตราทดที่เหมาะสม ยังช่วยให้ไม่จำเป็นต้องคาดหวัง Trend รอบละเป็น 100 จุดอย่างการเล่นหุ้น เพราะสำหรับ TFEX แค่ 10-20 จุดก็สามารถเรียกว่า Trend ได้แล้ว และด้วยเรื่องนิสัยกลัวความเสี่ยงนี่เอง ทำให้เราต้องคิดวิธีการลดความเสี่ยงให้มากที่สุด โดยการสร้างกลยุทธ์แบ่งไม้ซื้อขาย เพื่อให้เกิดการกระจายความเสี่ยง นอกจากนี้เรายังทดสอบความเสี่ยงของโมเดลที่ใช้อย่างรอบคอบก่อนนำไปใช้ ดังนั้น นี่จึงเป็นหนึ่งในความรู้ที่ผิดพลาดที่สุด ที่คิดว่าคนกลัวความเสี่ยงห้ามเล่น TFEX เพราะหากท่านเข้าใจแก่นแท้ของ TFEX แล้ว จะรู้ว่าความเสี่ยงที่แท้จริงไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัว Product แต่ขึ้นอยู่ “ตัวนักลงทุน” ที่เลือกใช้มันให้เสี่ยงในระดับไหน สำหรับตลาด TFEX การขาดทุนลึกที่สุดควรไม่เกิน 30% หากใครเกินกว่านี้ให้พิจารณากลยุทธ์การลงทุนและการวางแผนเงินวางประกันใหม่ทั้งหมด

“ถ้าอยากอยู่รอดในตลาด TFEX ไม่มีหรอกครับ High risk high return แต่เป็น Optimize Risk Maximize Return in long term ต่างหาก”

7. เราพร้อมจะถูกคนอื่นมองว่าไม่เก่ง แต่เราจะเป็นเด็กดีที่สุดในตลาด

แชร์ ประสบการณ์เทรด TFEX ด้วยเงิน 3 ล้านบาทใน 1 ปีที่ผ่านมา

เรามักถูกถามอยู่เสมอว่าวันพรุ่งนี้ตลาดหุ้นจะขึ้นหรือลง? และในทุกๆ ครั้ง เราก็จะตอบกลับไปด้วยประโยคเดิมๆ นั่นคือ ไม่รู้ครับ พร้อมรอยยิ้มแห้งๆ ที่แฝงไว้ด้วยการสร้างความผิดหวังให้กับผู้ถาม ทำให้หลายคนมองเราในแง่ลบ ทั้งในมุมไม่เก่งจริงบ้าง กั๊กข้อมูลบ้าง แต่ที่แน่ๆ คือเราไม่ได้โกหก เพราะแม้แต่การลงทุนของพวกเราในทุกวันนี้ เราเองก็ไม่เคย Predict ทิศทางแม้แต่ครั้งเดียว! เราไม่เคยสนใจคาดการณ์ว่าราคาไปทิศทางไหน เรารู้แต่เพียงว่าถ้าถึงเงื่อนไขที่ตั้งไว้ก็จะเปิดสถานะตามทุกครั้ง หลายคนอาจจะมองว่าวิธีนี้ดูไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ เพราะคงมีบางจังหวะที่เราจะโดนหลอก แต่เรายอมครับ เรายอมเป็นคนที่โดนหลอกในบางครั้ง (บ่อยครั้ง)  โดยหวังเพียงอย่างเดียวว่าถ้าครั้งไหนที่พวกเขาไม่หลอก เราจะเป็น 1 ในคนที่ขึ้นขบวนรถตามไปด้วย และนี่คือเหตุผลที่เรายอมเป็นคนที่ถูกมองว่าไม่เก่ง แต่จะเป็นเด็กที่มีวินัยที่สุด เพราะมันทำให้เราไม่เคยพลาดในทุกTrend ในอดีตเราเคยคิดว่าตนเองฉลาดพอในการอ่านทิศทางได้ สุดท้ายก็เป็นได้แค่คนโง่ที่อวดฉลาด ปล่อยให้ความมั่นใจส่วนเกินบิดเบือนการตัดสินใจซื้อขาย จนทั้งตกรถและติดดอย เสียโอกาสทำกำไรมาหลายรอบแล้ว บางครั้งยอมลดทิฐิของตนเองลงมามองเกมในแบบของคนเจียมตัว พวกท่านอาจเจอคำตอบของปัญหาจากการเทรดทั้งหมดในชีวิตที่ผ่านมาก็ได้

“เราคิดว่าตลาดหุ้นมีความซับซ้อนเกินกว่าที่จะมีใครคาดการณ์ทิศทางได้อย่างแม่นยำ และมีเพียงแค่นักลงทุนที่ไม่ยอมรับความจริงเท่านั้นที่คิดว่าตัวเองสามารถทำได้”

8. เราเชื่อในเรื่องสถิติและตั้งใจศึกษาศาสตร์ Data Science เพื่อใช้ลงทุน TFEX

ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมาพวกเราทำการบ้านอย่างหนักด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลที่คิดว่าสำคัญและทำการวิเคราะห์ผลลัพธ์เพื่อประยุกต์ใช้เป็นสัญญาณในการซื้อขาย โดยมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist) สำหรับตลาด TFEX โดยเฉพาะ นอกจากนี้การประมวลผลทางสถิติ (Backtest) ยังให้ประโยชน์บางอย่างที่คาดไม่ถึง ที่พวกเราคิดว่าทุกท่านจำเป็นต้องทำ เพราะนอกจากเราจะได้รู้คำตอบของกลยุทธ์เหล่านั้นแล้ว ยังบอกอีกว่าระหว่างทางต้องเจอกับอะไร เพื่อที่จะทำใจเผื่อในเหตุการณ์ต่างๆ ที่มีโอกาสเกิดขึ้น ซึ่งนี่เป็นเหตุผลข้อสำคัญที่ช่วยพยุงจิตใจของเรา ให้อยู่กับความเป็นจริงและสร้างแนวคิดข้อ 1-7 ที่ผ่านมาได้ และทำให้เราเข้าใจสัจธรรมของตลาดหุ้น ไม่สร้างความคาดหวังเกินจริงที่อาจทำให้เสียจริตผิดวินัยหรือมั่นใจอะไรที่ผิดๆ โดยทุกบทความที่เราให้ไปนั้นเป็นความรู้ที่เราใช้จริงทั้งหมด และจากนี้ต่อไปเราขอเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่พยายามนำข้อมูลวิจัยตลาดที่สนใจมาเผยแพร่ให้กับนักลงทุน

“Data science และการทำ Backtest สามารถช่วยชดเชยช่องว่างความรู้และประสบการณ์ของนักลงทุนรุ่นใหม่กับคนที่เทรดอยู่ในตลาด”    

9. เราใช้หุ่นยนต์เทรดครับ

แชร์ ประสบการณ์เทรด TFEX ด้วยเงิน 3 ล้านบาทใน 1 ปีที่ผ่านมา

พวกเราเป็น 1 ในกลุ่มคนที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างโปรแกรมซื้อขายอัตโนมัติ (Robot Trade) มาช่วยส่งคำสั่งซื้อขาย ซึ่งหลายคนอาจมองว่าการใช้หุ่นยนต์เป็นการเอาเปรียบนักลงทุนคนอื่นๆ ? … เราขอยืนยันว่า ใช่ครับ เพราะโปรแกรมเหล่านี้สร้างความได้เปรียบในการลงทุนอย่างแท้จริง ทั้งในเรื่องของการไม่ต้องเฝ้าดูหน้าจอที่อาจทำให้เกิดความล่าช้า การสร้างกลยุทธ์ในการซื้อขายที่ซับซ้อนได้มากขึ้น รวมถึงการป้องกันไม่ให้ใช้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นประโยชน์ข้อสำคัญมากที่สุด และนี่เป็นข้อเฉลยว่าทำไมเราจึงไม่เคยไร้วินัยในการซื้อขายเลยแม้แต่ครั้งเดียว เราไม่ได้ต้องการออกมาพูดเพื่อโอ้อวดในสิ่งที่เรามี แต่ต้องการบอกกับทุกท่านให้ยอมรับกับความจริง เพราะเมื่อหลายปีก่อนเราก็เคยรู้สึกเหมือนพวกท่านเวลาเห็นใครพูดหรือใช้เรื่องเหล่านี้ แต่เราเลือกที่จะศึกษาและพัฒนาจนสามารถสร้างมันขึ้นมาใช้เองได้ เราเข้าใจนะครับ ว่ามันดูยากลำบากพอสมควร เพราะเราก็เริ่มมาจากการเป็นรายย่อยธรรมดาที่ไม่มีความรู้ในเรื่องการเขียนโปรแกรมเลย แต่อยากให้ทุกท่านรู้ว่า มันไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะโปรแกรมสมัยนี้อำนวยความสะดวกสร้างฟังก์ชันไว้รองรับกับคนที่ไม่มีทักษะ ขอแค่มีความตั้งใจจริงก็สามารถเรียนรู้และใช้งานได้ โดยในปีนี้พวกเราสัญญาว่าจะเป็น 1 ในผู้ที่ช่วยให้ความรู้และสอนพวกท่านในเรื่องของหุ่นยนต์เทรด

“การใช้หุ่นยนต์เทรดไม่ใช่เรื่องยากสำหรับรายย่อยอีกต่อไป แต่การใช้หุ่นยนต์เทรดเพื่อทำกำไรนั้นเป็นเรื่องที่ยากกว่าหลาย 10 เท่า”

แชร์..ประสบการณ์เทรด TFEX