สวัสดีครับ วันนี้จะเป็นอีก 1 วันประวัติศาสตร์ที่ตลาดหุ้นไทยต้องจดจำเป็นกรณีศึกษา และในฐานะที่พวกเราเป็นนักลงทุนที่เก็บข้อมูลเรื่อง TFEX และ Block Trade มาโดยตลอด เราจึงอยากออกมา Update ข้อมูลให้กับทุกท่านได้ทราบถึงมุมมองและผลกระทบจากปัจจัยเหล่านี้
             ***เราจะพยายามให้ข้อมูลโดยไม่ Bias ใด ๆ และขอเรียนให้ทุกคนทราบว่า เราไม่เคยมีความต้องการที่จะเป็นกูรูชี้แนะทิศทาง และไม่มีเจตนาทำให้ตลาดขึ้นหรือลงแต่อย่างใด หากถ้าแสดงข้อมูลใดไม่ถูกใจพวกท่านเราขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย***

เราเคยบอกกับนักลงทุนมาเสมอ ว่าธุรกรรม Block Trade จะมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้น และจะกลายวลียอดฮิตในทุกครั้งที่ตลาดปรับตัวลดลง โดยในช่วงนี้เองที่ Block Trade จะถูกพูดถึงอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะทุกคนคงเข้าใจกันอยู่แล้วว่าส่วนหนึ่งที่ตลาด “ต้อง” เจอแรงขายออกมานั้นเป็นเพราะ Block Trade

เข้าเรื่องสำคัญกันดีกว่า จากกระทู้ที่พวกเราเคยโพสไปเมื่อปีก่อน (เย็นวันที่ 19 มิ.ย.2018) นักลงทุนรายย่อยกำลังฆ่าฟันกันเอง และตลาดหุ้นห้ามลงต่อ !

เราคิดว่ามันจะมีแนวโน้มกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งในวันนี้”

ดังนั้นลองมาเปรียบเทียบสถานการณ์ในวันนั้นกับปัจจุบันว่ามีอะไรเหมือนกันบ้าง …

รูปแสดงกราฟ SET รายวัน

จากภาพ โดยส่วนตัวสิ่งที่คิดว่าคล้ายกันมากที่สุด คือ เลข 1 กับ 2 (แม้เราจะคาดหวังให้เป็นอย่างในวงรีสีขาวก็ตาม) โดยตัวเลขที่ 1 คือ ก่อนวันที่ตลาดลงแรงในปีก่อน (ก่อน 19 มิ.ย. 2018) และตัวเลขที่ 2 คือปัจจุบัน (ก่อน 6 ส.ค.2019) โดยมี 3 เรื่องที่เราคิดว่าพวกท่านต้องติดตามกันต่อ

  1. 1. สถานการณ์ต่างชาติเป็นตัวนำพาให้เกิดการปรับตัวลดลง
    ถึงจะบอกว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่อินดี้ แต่เราก็อินดี้เฉพาะเวลาตลาดบ้านอื่นขึ้นเราไม่ขึ้นตาม แต่ในจังหวะที่ตลาดเพื่อนบ้านเขาลง เราเองก็พร้อมจะลงตามมาโดยตลอด รวมไปถึงในครั้งนี้ด้วย โดยพวกท่านสามารถสังเกตได้จากกราฟดัชนีดาวโจนดังรูป

รูปแสดงกราฟดาวโจนในช่วงเวลาเดียวกันกับ SET

จากรูป สังเกตว่า หมายเลข 1 คือ ช่วงเวลาเดียวกันกับที่ตลาดหุ้นบ้านเราปรับตัวลดลง โดยดาวโจนปรับตัวลงจาก 25500 จุด มาเหลือ 24800 จุด และลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 24000 จุดในรอบนั้น ส่วนหมายเลข 2 มีความคล้ายกัน คือ ปรับตัวลงจาก 27300 มาเหลือ 26500 จุด (กราฟยังไม่แสดงของวันนี้ที่ลงอีกกว่า 700 จุด) ซึ่งนี่คงเป็นคำตอบว่าเราคงหลีกเลี่ยงจากผลกระทบของตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงไม่ได้ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องปกติที่นักลงทุนต้องจับตาดูสถานการณ์ของต่างประเทศ

2.พวกท่านเชื่อหรือไม่ ว่ามีนักลงทุนกลุ่มหนึ่งที่เขามักถูกทางเสมอ
พวกเราเองก็มีความเชื่อ (พร้อมข้อมูล) อยู่แล้วว่าต่างชาติเป็นฝั่งที่ถูกเกือบทุกครั้งเมื่อตลาดมีเทรน โดยเฉพาะในช่วงที่อ้างอิงกับข้อมูลจากต่างประเทศ โดยพวกท่านสามารถดูปริมาณการซื้อขาย SET50 Futures ย้อนหลัง 20 วันทำการของช่วงที่ปรับตัวลดลงทั้งปีก่อนและปีปัจจุบัน

รูปแสดงปริมาณการซื้อขาย SET50 Index Futures 20 วันทำก่อนย้อนหลังก่อน 19 มิ.ย.2018 และ ก่อน 6 ส.ค.2019 (ปัจจุบัน)
          จากในตาราง พบว่า ในช่วง 20 วันทำการของปีก่อนที่จะลงแรง ต่างชาติมี Short สุทธิสะสม 40000 สัญญา ส่วนในปีนี้ต่างชาติ Short สุทธิสะสมสูงถึง 80,000 สัญญา  นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลน่าสนใจ คือ ถ้านับเฉพาะปีนี้เท่ากับว่า ต่างชาติเหลือสถานะคงข้างเข้าใกล้ 0 สัญญา แสดงว่าเขาได้ทำการปิดทำกำไรขา Long ไปหมดแล้วในปีนี้ !

3.Block Trade มาถึงจุดวัดใจในวันนี้ !
หากลองสังเกตในกรอบสีแดงทั้งหมายเลข 1 และ 2 จะพบว่าดัชนี SET มีการปรับตัวลดลงมาใน % ที่ใกล้เคียงกันคือ ราว ๆ 4-5%  โดยการลงมาระดับนี้ ทำให้รายย่อยบางคนที่ใช้ Leverage 10 เท่า+ เริ่มทนพิษบาดแผลไม่ไหว (5% x 10 เท่า = ขาดทุน 50%) จนถูกเรียกเติมเงิน (Call Margin) และส่วนใหญ่มักจะรอดูสถานการณ์วันถัดไปซึ่งก็คือวันนี้ ว่าจะปิดหรือเติมเงินเข้ามาสู้ต่อ และหากถ้าลงต่อ สถานการณ์จะยิ่งเลวร้าย เพราะอาจกลายเป็น Force Close จนถูกบังคับปิดและกระทบให้ราคาลงต่อ
ดังนั้นนักลงทุนใน Block Trade จะสู้ต่อหรือถอยออกไปตั้งหลักนั้น วันนี้จะเป็นตัวตัดสิน และหากถ้าเกิดการ Force จริง ๆ พวกเราจะได้เห็นเหตการณ์อย่างเมื่อปีก่อนตามต้นกระทู้ที่กล่าวไว้ คือ ยอด TFEX ที่รายย่อย Short ในปริมาณหลักแสนสัญญาใน Single Stock Futures ณ สิ้นวัน และยอดการซื้อขายของพวกต่างชาติและโบรกเกอร์ต่างเทกระจาด net ขายอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องเอาหุ้นที่นักลงทุน Block Trade ไว้ออกมาขายทิ้ง

และหากถ้าวันนี้มีการ Panic Sell เกิดขึ้นจริง ๆ เราขอให้ทุกคนดูสัญญาณต่อจากนี้ในการหาจังหวะลงทุนในรอบต่อไป

1.ตามปกติ 1 ใน 3 ของนักลงทุนมือใหม่จะโดน Force Close ออกจากตลาด

จากสถิติที่เราเก็บมาในแต่ละรอบ พบว่าในทุกครั้งที่นักลงทุนโดน Force Close รอบใหญ่ จะมีรายย่อยที่ต้องเจ็บตัวออกจากตลาดไปประมาณ 1 ใน 3 โดยพิจารณาได้จากรูป

รูปแสดงสถานะคงค้างรายวันของเดือน มิ.ย.และ ก.ค. ปี 2019

จากรูปพบว่า สถานะคงค้าง (OI) ของรอบก่อน ขึ้นไปแตะที่ 3 ล้านสัญญา (ในวันที่ 15 มิ.ย.) และลงมาเหลือ 2 ล้านสัญญา วันที่ 2 ก.ค.ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดที่ราคาปรับตัวลดลงมาในรอบนั้น
โดยในรอบนี้ Block Trade มีสถานะคงค้างอยู่ 2.7 ล้านสัญญา แสดงว่าหากเป็นไปตามที่คาดไว้ ปริมาณ 1 ใน 3 ที่หายไปจะทำให้สถานะคงค้างจะลงเหลือราว ๆ 1 ล้านปลาย – 2 ล้าน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ สำหรับการสะสมหุ้นอีกครั้ง

2.ต่างชาติจบรอบการขาย (Short) และเปิด Long กลับ
เป็นเรื่องปกติที่เมื่อมีการขายเยอะก็ต้องซื้อกลับหรือปิดทำกำไรเป็นธรรมดาสำหรับ TFEX โดยสามารถดูได้จากรอบก่อน

รูปแสดงปริมาณการซื้อขาย SET50 Index Futures หลังช่วงวันที่ 19 มิ.ย. 2018 ที่ลงแรง

จากตัวเลขพบว่าในอีก 20 วันทำการต่อมา ต่างชาติกลับมา net Long สูงถึง 5 หมื่นสัญญา หลังจาก Short ไป 4 หมืนสัญญาเมื่อ 20 วันทำก่อนหน้า แสดงให้เห็นถึงสัญญาณกลับตัวหรือจบรอบขาลงในมุมมองของผู้เล่นคนสำคัญอย่างนักลงทุนต่างชาติ
และนี่คือข้อมูลเบื้องต้นที่เราเก็บมาฝาก ทุกคนสามารถนำไปวิเคราะห์เพิ่มเติมและเสนอแนะพูดคุยกันได้นะครับ เพื่อประโยชน์สำหรับนักลงทุนรายย่อยทุกคน และหากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ และขอโทษที่เราไมได้เรียงภาษาให้สวยเนื่องจากตื่นมาทำกลางดึก สุดท้ายเราขอเป็นกำลังใจให้นักลงทุนท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนระยะยาว