สวัสดีครับ ผมเป็นนักลงทุนในตลาด TFEX ที่ลงทุนอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 7 ปี และคิดว่าพฤติกรรมตลาดที่กำลังเปลี่ยนไปนี้น่าจะส่งกระทบต่อทั้งนักลงทุนที่มีประสบการณ์และที่เพิ่งเข้าตลาดมาใหม่ เลยอยากออกมาแชร์มุมมองเกี่ยวกับความเป็นจริงในตลาดหุ้นและตลาด TFEX ที่คิดว่าหลายคนอาจจะคาดไม่ถึง พวกท่านเคยสงสัยเหมือนผมไหม ? ว่าในช่วงปี 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยมีการเคลื่อนไหวที่แตกต่างไปจากอดีต ทั้งเรื่องการเคลื่อนไหวของหุ้นขนาดเล็กที่มีให้เห็นน้อยลง (โดยส่วนใหญ่มีแต่ปรับตัวลงเสียด้วยซ้ำ) ทดแทนด้วยหุ้นขนาดใหญ่ที่เคลื่อนไหวอย่างรุนแรงและผันผวนระหว่างวัน หรือแม้กระทั่งในตลาด TFEX ที่มีการลากขึ้นและตบลงภายในไม่กี่นาที ดังนั้นผมจึงทำการศึกษาและรวบรวมข้อมูล รวมถึงนำประสบการณ์ของตนเองมาบอกเล่าเรื่องราวให้พวกท่านได้รับรู้ ซึ่งอาจยาวไปสักนิดแต่อยากให้ทุกคนอ่านให้จบ เพราะคิดว่าสิ่งที่จะเล่านั่นมีผลกระทบโดยตรงต่อการลงทุนของทุกคนอย่างแน่นอน และอาจเป็นเรื่องสำคัญที่เปลี่ยนโฉมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไปเลยก็ได้

ธุรกรรมและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เข้ามามีบทบาทในตลาดหุ้น
พวกท่านคงเคยได้ยินศัพท์ใหม่ ๆ ในตลาด ไม่ว่าจะเป็น Block Trade , Robot Trade , AI ฯลฯ ซึ่งบางคนเองก็พยายามศึกษาและพยายามเข้าใจเพื่อใช้มันให้เป็นประโยชน์ บางคนรอให้โบรคเกอร์พัฒนาและนำมาใช้ต่อ ตลอดจนบางคนก็อาจมีข้อจำกัดเรื่องเวลาในการเรียนรู้และกลายเป็นผู้เสียประโยชน์ให้กับสิ่งใหม่ ๆ เหล่านี้ ดังนั้นผมคิดว่านักลงทุนทุกคนควรรับรู้และทำความเข้าใจกับเรื่องสำคัญ หรืออย่างน้อยที่สุดคือควรตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดกับตัวเอง และหากเป็นไปได้ผมอยากชวนทุกท่านให้ร่วมกันพัฒนาเพื่อให้รายย่อยอย่างพวกเราได้ลดช่องว่างกับรายใหญ่ที่กำลังได้เปรียบกับเทคโนโลยีรวมไปถึงอำนาจการต่อรองต่าง ๆ โดยส่วนตัวผมมีเรื่องสำคัญ 3 เรื่องที่อยากให้ทุกคนรับรู้และใส่ใจ ดังนี้

ประการที่ 1 การเติบโตของธุรกรรม Block Trade
ธุรกรรม Block Trade เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น ผมคิดว่าธุรกรรมนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการลงทุน(เก็งกำไร)และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตลาด นอกจากนี้มันยังเป็นธุรกรรมที่เชื่อมตลาด TFEX เข้ากับตลาดหุ้นอย่างสมบูรณ์แบบ ฟังดูเหมือนจะเว่อไปใช่ไหมครับ ถ้างั้นผมอยากให้พวกท่านลองพิจารณากันเองผ่านบทความต่อไปนี้

Block Trade ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพิ่มสภาพคล่องให้กับ Single Stock Futures ?
ธุรกรรม Block Trade เป็นธุรกรรมที่นักลงทุนสามารถขอให้ Broker เป็นคู่สัญญาในผลิตภัณฑ์ Futures ให้กับพวกเขา โดยส่งคำสั่งซื้อขายกันผ่านกระดานหลังบ้านที่จัดไว้สำหรับการตกลงกันของนักลงทุน 2 ฝ่าย ซึ่งส่วนใหญ่มักใช้กับ Single Stock Futures หรือ Futures ที่อ้างอิงกับหุ้นรายตัวที่ไม่ค่อยมีสภาพคล่องในกระดานปกติ ผมเชื่อว่านี่คือนิยามที่ใครหลายคนเข้าใจเกี่ยวกับ Block Trade ผมเองเคยเป็น 1 ในนั้น จึงมองเป็นเรื่องไกลตัวและไม่มีผลกระทบกับตัวเอง และคิดว่านี่คงเป็นเพียง 1 ในช่องทางธุรกิจของ Broker เนื่องจาก Single Stock Futures ก็ถูกพูดกันมาแต่ไหนแต่ไรว่าปัญหาสำคัญคือไร้สภาพคล่อง แต่นั้นเป็นเพียงความจริงบางส่วนเท่านั้น มันคงไม่มีประเด็นอะไรหากถ้ากระบวนการของ Block Trade เป็นแค่การเคาะซื้อ-ขาย Futures กันเองระหว่าง Broker กับนักลงทุนเพียงอย่างเดียว  แต่นั้นยังไม่ใช่ทั้งหมด เพราะฉะนั้นวันนี้ผมจึงอยากให้ทุกคนได้เข้าใจอย่างแท้จริงเกี่ยวกับธุรกรรม Block Trade และลองวิเคราะห์กันว่าทำไมผมถึงบอกกับทุกท่านว่า มันจะเป็นธุรกรรมที่จะเปลี่ยนโฉมการลงทุนในตลาดหุ้นอย่างสิ้นเชิ

เนื้อแท้ของธุรกรรม Block Trade
เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ผมขออธิบายด้วยการยกตัวอย่าง โดยเริ่มจากการให้ทุกคนลองจำลองตัวเองเป็นนักลงทุนที่ต้องการเปิด Long ใน PTTEP Futures จำนวน 20 สัญญา สิ่งแรกที่เราทำคือการเปิดโปรแกรม Streaming เพื่อเตรียมเคาะซื้อ PTTEPM18 สัก 20 สัญญา งั้นลองมาดูกันว่าจะทำได้ไหม

จากรูปจะเห็นได้ชัดเจนว่า ทั้งวัน PTTEP Futures เทรดกันในกระดานปกติเพียง 100 กว่าสัญญา ดังนั้นคงเป็นเรื่องยากที่เราจะเทรดได้ถึง 20 สัญญาในไม้เดียว ยังไม่นับรวมนักลงทุนคนอื่นอีกเป็นร้อยเป็นพันคนที่มีความต้องการเช่นเดียวกับเรา พวกเขาเหล่านั้นเลยต้องพึ่งบริการที่เรียกว่า Block Trade เพื่อหา Broker มาเป็นคู่สัญญาให้ และเมื่อทาง Broker ตกลงเป็นยอมเป็นคู่สัญญา ก็แค่ตกลงราคาและส่งคำสั่งซื้อ-ขายกัน นักลงทุนได้เปิด Long ตามต้องการ พร้อมการันตีมีคู่สัญญาตอนปิดสถานะ ส่วนโบรคเกอร์มีความสุขกับดอกเบี้ยที่ได้รับและค่าธรรมเนียมเป็นอันจบ

จบง่าย ๆ แบบนั้นจริงหรือ ?

ไม่เลยครับ … ในกระบวนการที่กล่าวไปไม่ได้ราบรื่นแบบนั้น มันยังมีความจริงอีกมุมนึงซ่อนอยู่ ทีนี่ผมอยากลองให้พวกท่านจินตนาการตัวเองเป็นฝั่ง Broker บ้าง หากนักลงทุนเปิด Long แสดงว่าโบรคเกอร์ต้องมีสถานะ Short ถูกไหมครับ ? และ Broker กำลังเผชิญความเสี่ยง นั้นคือ ถ้า PTTEP Futures ปรับตัวเพิ่มขึ้นจะเกิดการขาดทุน แล้วพวกท่านคิดว่าโบรคเกอร์จะยอมเปิดความเสี่ยงให้เกิดขึ้นไหม ? คำตอบคือไม่มีทาง ดังนั้น โบรคเกอร์จึงจำเป็นต้องนำต้องนำเงินของตัวเองไปซื้อหุ้น PTTEP จริง ๆ เก็บเอาไว้ในพอร์ต ให้เท่ากับมูลค่าของ PTTEP Futures ที่ Short ไว้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงอย่างสมบูรณ์ (Fully Hedge) แปลว่าในทุก ๆ ครั้งที่นักลงทุนสั่ง Block Trade โบรคเกอร์จะนำเงินไปซื้อหุ้นตามที่นักลงทุนสั่งเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการเคาะราคาตลาดเลยหรือตั้งรอที่ Bid ใด ๆ ก็ตาม ถ้า order หุ้น Match โบรคเกอร์ก็พร้อมเป็นคู่สัญญาใน Futures ให้ ในขาปิดสถานะก็เช่นเดียวกัน หากนักลงทุนต้องการปิดสถานะ ก็แค่สั่งขายตามราคาและปริมาณที่ต้องการ โบรคเกอร์ก็จะนำหุ้นในพอร์ตที่เก็บไว้ไปตั้งขายในกระดานหุ้น พอธุรกรรมในกระดานหุ้น Match เสร็จสิ้น ก็จะส่ง order ปิดสถานะ Futures ให้กับนักลงทุนผ่านกระดาน Block Trade เป็นอันเรียบร้อยอย่างสมบูรณ์ สำหรับธุรกรรม Block Trade 1 รายการ

ดังนั้นเราลองมาสรุปกันดีกว่า จากการ Wrap up ธุรกรรม Block Trade ให้พวกท่านรับรู้ พวกท่านยังให้ความหมายว่า เป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับ Single Stock หรือไม่ ? แต่สำหรับผม คิดว่าจริง ๆ แล้วมันมีอีกความหมายหนึ่งซ่อนอยู่ คือ เป็นธุรกรรมที่นักลงทุนขอให้ Broker เอาเงินไปซื้อหุ้นแทน จากนั้นใช้ Single Stock Futures เป็นเพียงเครื่องมือในการส่งผ่านกำไรขาดทุนของธุรกรรมนั้นเท่านั้น

ทำไมต้องให้โบรคเกอร์ซื้อหุ้นแทน เราก็ซื้อหุ้นเองก็ได้ จะทำผ่าน Block Trade ทำไมให้ยุ่งยาก ?

อันนี้แหละครับ คือหัวใจที่เป็นแรงดึงดูดให้นักลงทุนสนใจในตัวของ Block Trade เพราะสิ่งที่นักลงทุนจะได้จาก Block Trade คือการให้โบรคเกอร์ใช้เงินจำนวนมาก ๆ ไปซื้อหุ้นแทน จากนั้นอาศัยคุณสมบัติของ Futures Product คือ ใช้เงินลงทุนเป็นเงินวางประกันประมาณ 10% ของมูลค่า ทำให้พวกเขาสามารถใช้เงินลดลงเพื่อถือ Futures แทนในธุรกรรมนั้น หรือพูดสรุปง่าย ๆ นะครับ ถ้าเรามีเงิน 1 ล้าน เราสามารถใช้ให้ Broker ไปซื้อหุ้นแทนเราได้ถึง 10 ล้าน แล้วเราก็แค่ถือ Futures ที่อ้างอิงกับหุ้นตัวนั้นเพื่อรับรู้กำไรขาดทุนเอาไว้แทน

แล้วทำไมผมถึงบอกว่ามันจะกลายเป็นธุรกรรมที่เปลี่ยนโฉมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
ถึงตัวอย่างที่สำคัญแล้ว ทุกคนลองสวมบทบาทเป็นนักลงทุน สมมุติชื่อ นายรักเดย์เทรด โดยเขาเป็นคนที่ชอบการเล่นหุ้นในลักษณะเก็งกำไรเป็นชีวิตจิตใจ และในตอนนี้เขามีเงินสดอยู่ 1 ล้านบาท เขามองว่าวันนี้น้ำมันมาแน่ เลยเตรียมตัวซื้อหุ้น PTTEP ถ้าสมมุติ ณ วันนี้ PTTEP อยู่ที่ราคา 130 บาท โดยเขามีทางเลือก 2 ทาง

ทางที่ 1 ใช้เงินตัวเองจำนวน 1 ล้านบาทเพื่อซื้อหุ้นในพอร์ตหุ้น
ทางที่ 2 นำ 1 ล้านบาทไว้ในพอร์ตฟิวเจอร์ส และทำ Block Trade PTTEP Futures โดย 1 สัญญาเทียบเท่ากับ 1,000 หุ้น และใช้เงินวางประกัน 11,210 บาท/สัญญา (update 22 พ.ค. 61)

เราลองมาวิเคราะห์กันดูว่าแต่ละทางเลือกจะซื้อได้กี่หุ้น

หากเลือกทางแรก นายรักเดย์เทรดจะซื้อได้ทั้งหมด 1,000,000 / 130 = 7,600 หุ้น
หากเลือกทางที่สอง นายรักเดย์เทรดจะเปิด Long ได้ทั้งหมด 1,000,000 / 11,210  = 89 สัญญา ซึ่งเมื่อคิดเป็นจำนวนหุ้นจะเท่ากับ 89 สัญญา x 1,000 หุ้น = 89,000 หุ้น (ใช้เงินวางเต็มโดยไม่ได้คำนึงถึงเรื่อง Money Management)

เห็นไหมครับ เงินจำนวน 1 ล้านบาทเท่ากัน ซื้อหุ้นตัวเดียวกัน แต่ต่างวิธี ปริมาณหุ้นที่ได้มีความแตกต่างกันถึงเกือบ 12 เท่า !

ถ้าโจทย์ของนายรักเดย์เทรด คือต้องการผลตอบแทน 5% หรือ 50,000 บาท แต่ละทางเลือกของเขาจะต้องวางจุดออกทำกำไรอย่างไร

ทางเลือกที่ หากเขาถือหุ้นไว้ 7,600 หุ้น เขาต้องรอให้ราคา PTTEP เปลี่ยนแปลงไปเท่ากับ 50,000 / 7,600 = 6.57 บาท/หุ้น นั่นคือหากซื้อไว้ที่ราคา 130 บาท จะต้องรอให้ขึ้นไปถึง 137 บาทถึงค่อยขาย โดยอาจต้องรอสัก 1 หรือ 2 อาทิตย์สำหรับธุรกรรมรอบนี้
ทางเลือกที่ 2 หากเขาถือ PTTEP Futures ไว้ 89 สัญญาหรือ 89,000 หุ้น ถ้าต้องการแค่ 50,000 บาท ดังนั้นหากราคา PTTEP เปลี่ยนไปเท่ากับ 50,000 / 89,000 = 0.56 บาท/หุ้น ก็เพียงพอต่อเป้าหมายของเขาแล้ว หรือพูดง่าย ๆ แค่ท่านสั่งซื้อที่ Block Trade ที่ราคา 130 และตั้งรอขายที่ 131 แค่ 2 ช่องราคา ก็สามารถรับรู้กำไรได้มากกว่า 5% ตามต้องการ

ฟังดูแล้วน่าตกใจและไม่น่าเป็นไปได้ใช่ไหมครับ แต่มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ ถ้าใครยังสงสัยผมจะลองใส่ทั้งขั้นตอนและคำนวณตัวเลขให้ดูอย่างละเอียด (ขออนุญาติใส่ Spoil สำหรับคนไม่ได้สนใจเรื่องขั้นตอนการซื้อขายและไม่ชอบตัวเลข)

เราลองมาสรุปกันนะครับ สาเหตุที่ Block Trade มีอำนาจทำได้ถึงขนาดนี้ เป็นเพราะการเปลี่ยนมาลงทุนแบบ Block Trade ทำให้นักลงทุนสามารถขยายอำนาจซื้อของตัวเองผ่านการให้โบรคเกอร์ไปซื้อหุ้นแทนในจำนวนที่มากขึ้นเป็น 10 เท่า ดังนั้นเมื่อหุ้นเปลี่ยนแปลงไปแค่ 1-2% เมื่อเจอกับอัตราทด (Leverage) ที่ขยายตัวขึ้นถึง 10 เท่า มันจึงเปลี่ยนเป็นกำไรในพอร์ตของพวกเขาในระดับ 10-20% ผมเองก็ไม่รู้ว่าธุรกรรมที่น่าเหลือเชื่อนี้เกิดขึ้นในตลาดหุ้นของไทยได้อย่างไร (ไม่รู้ว่ามีประเทศอีกไหม ที่ใช้ช่องทาง Block Trade ในการทำแบบนี้) แปลว่าตอนนี้นักลงทุนทุกคนมีความอิสระในการกู้ยืมเงินในระดับ 10-20 เท่า เพื่อนำมาซื้อหุ้นอย่างเป็นทางการโดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรับรู้ และเสียดอกเบี้ยประมาณ 4-6% ต่อปี ฟังดูแล้วธุรกรรม Margin ดูชิดซ้ายไปเลยนะครับ ดังนั้นเพื่อความง่ายต่อความเข้าใจ ผมขอสรุปนิยามธุรกรรม Block Trade ว่ามันคือ “Super Margin”

          เป็นไงกันบ้างครับ ทีนี้พวกท่านพอจะปะติดปะต่อเรื่องกันได้หรือยังว่าทำไมในทุกวันนี้หุ้นตัวเล็กถึงมีให้เล่นไม่มากเหมือนเก่า ? กลายเป็นหุ้นตัวใหญ่ที่ราคาถึงวิ่งขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่กี่ช่องในไม่กี่นาทีและเหวี่ยงวันนึงหลายรอบ หรือบางวันอยากจะกระชากขึ้นหรือตบลงอย่างรวดเร็วและง่ายดาย ? และทำไมตลาด TFEX ถึงมีความผันผวนระหว่างวันที่ค่อนข้างสูง ? ทุกอย่างสอดคล้องกับสิ่งที่ผมบอกกับพวกท่านไหม ซึ่งนี้แหละครับ คือสาเหตุประการแรกที่ผมคิดว่ามันทำให้ตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนไปจากเดิม ต่อจากนี้พวกท่านคงได้เห็นการเคลื่อนไหวของหุ้นเก็งกำไรที่น้อยลง และเห็นหุ้นขนาดกลาง-ใหญ่ 93 ตัวที่มีใน Single Stock Futures เคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้น เพราะจากแต่ก่อนที่นักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนในระดับ 5% ต่อ 1 ธุรกรรมการซื้อขาย พวกเขาคงต้องหาหุ้นตัวเล็กที่วิ่งแรง ๆ เร็ว ๆ หรือหากเล่นหุ้นตัวใหญ่ก็คงต้องรอรอบการซื้อ-ขายเป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือน ๆ แต่ในปัจจุบันแค่ไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่นาทีก็มีโอกาสได้ตามเป้าแล้ว เพราะธุรกรรม Block Trade จะช่วยให้ใครที่ต้องการเก็งกำไรในตลาดหุ้นไม่ต้องเล่นหุ้นเล็กอีกต่อไป เพียงแค่เลือกเล่นหุ้นในตัวที่เขารู้จักและถนัด โดยอาศัยการขยายเงินลงทุนเป็น 10-20 เท่า ก็กระชากให้หุ้นพื้นฐานเหล่านั้นกลายเป็นหุ้นปั่นรายวันในสายตาของพวกเขา บางคนซื้อตอนเช้าขายตอนบ่าย บางคนซื้อ ATC ขาย ATO ในวันรุ่งขึ้น หรือบางพอขายเสร็จยังสามารถเล่นฝั่ง Short ต่อได้ทันที (Block Trade ก็ Short ได้) หรือบางคนมั่นใจในข้อมูลของหุ้นที่รู้มาก็ใช้ในการทำกำไรครั้งละมาก ๆ ในเวลาอันสั้น ดังนั้นการเข้ามาของ Block Trade ทำให้นักลงทุนไม่เคยต้องการให้หุ้นกลับมาเป็นเทรนอีกต่อไป ขอให้มีการแกว่งในวันเขาก็หาเงินได้ทุกวัน นี่แหละครับ ที่ผมอยากบอกพวกท่านว่ามันเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ และเพื่อความแฟร์ผมคิดว่าทุกคนควรได้รับรู้ถึงความจริงเกี่ยวกับตลาดการลงทุนในปัจจุบัน เพราะทุกวันนี้พวกนักลงทุนรายใหญ่ (หรือรายย่อยขนาดใหญ่) ก็ใช้ Block Trade เป็นช่องทางในการลงทุนตลาดหุ้นของพวกเขากันหมดแล้ว ซึ่งหากพวกท่านยังไม่เชื่อเราลองมาดูข้อมูลสถิติที่น่าตกใจเกี่ยวกับ Block Trade กันดีกว่า

Single Stock กลายเป็น Product ที่มีปริมาณการซื้อขายอันดับ 1 ในตลาด TFEX

หากถ้าท่านยังไม่ได้อ่านบทความนี้ แล้วมีคนเดินมาถามพวกท่านว่า สินค้าที่มีการซื้อ-ขายมากที่สุดในตลาด TFEX คือสินค้าใด ? ผมเชื่อว่าคำตอบร้อยละ 80 คงตอบว่า SET50 Index Futures ด้วยเสียงหนักแน่น พร้อมคำถากถางว่า Product อื่น ๆ นั้นไม่มีสภาพคล่องให้เล่นเสียเลยด้วยซ้ำ เราลองมาดูข้อเท็จจริงของคำพูดนี้กันนะครับ

ตารางแสดงปริมาณการซื้อขายต่อวันของ 5 ผลิตภัณฑ์หลักของตลาด TFEX ในปี พ.ศ. 2561

จากรูปจะเห็นได้ปัจจุบัน Single Stock Futures  มีสัดส่วนปริมาณการซื้อ เป็น 57.33% เกินกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณการซื้อขายทั้งหมด และทิ้งห่างอันดับ 2 ที่ใครหลายคนคาดคิดว่าเป็นอันดับ 1 ถึงเกือบเท่าตัว ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่นักลงทุนหลายคนอาจจะเข้าใจผิด เพราะพวกท่านคงคุ้นชินกัปริมาณการซื้อขาย SET50 Index Futures ในกระดานปกติที่วิ่งกันแทบทุกวินาทีในช่วงที่ตลาดทำการ ผิดจากใน SSF ที่นานๆจะมีปริมาณการซื้อขายโผล่มาให้เห็นสักครั้ง เช่นจากตัวอย่าง PTTEP Futures ที่พบว่าแทบไม่มีใครซื้อขายกันในกระดานปกติเลย แล้วตัวเลขปริมาณการซื้อขายที่มากมายขนาดนี้มาจากไหน ? ทุกคนคงพอเดากันออกแล้วใช่ไหมครับ ว่าตัวเลขทั้งหมดมันเกิดจากปริมาณการซื้อขายในกระดาน Block Trade

Block Trade เป็นตัวผลักดันให้ SSF กลายเป็นอันดับ 1 ของตลาด TFEX
อย่างที่รู้ว่าช่องทางการส่งคำสั่งในกระดาน Futures มี 2 ช่องทาง คือกระดานปกติที่เราใช้ซื้อ-ขายผ่านหน้าจอหลักของโปรแกรม Streaming กับกระดานหลังบ้านที่เป็นการตกลงซื้อขายกันเองระหว่างนักลงทุน 2 ฝ่ายที่เรียกว่ากระดาน Block Trade โดยพวกท่านสามารถดูสัดส่วนได้จากรูปต่อไปนี้
ตารางและกราฟแสดงสัดส่วนการซื้อขาย Block Trade ต่อปริมาณการซื้อขายทั้งหมดต่อวัน

ปริมาณการซื้อขายในปี พ.ศ. 2561 อัพเดทถึงวันที่ 5/6/61                                                                                                                จากรูปคงเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วใช่ไหมครับ ว่า Block Trade ค่อย ๆ มีมีปริมาณการซื้อขายในสัดส่วนที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ และในปัจจุบันมีสัดส่วนการซื้อขายมากกว่า 95% แสดงว่านักลงทุนหันไปพึ่งพาธุรกรรม Block Trade กันแทบทั้งสิ้น จนเรียกว่าได้ว่าแทบจะไม่เหลือ SSF ให้เคาะบนกระดานปกติแล้ว ดังนั้นข้อสรุปผมคงไม่ผิดใช่ไหมครับ ที่บอกว่า Block Trade เป็นตัวทำให้ SSF มีปริมาณการซื้อขายมากขนาดนี้ และที่สำคัญไม่ได้ผลักดันเพียงแค่ SSF ให้สูงขึ้นเพียงอย่างเดียว เพราะมันไปกระทบให้ปริมาณการซื้อขายหุ้นในตลาดให้สูงขึ้นด้วย

สิ่งของที่เป็นอันดับ 1 อยู่แล้ว สามารถเติบโตได้แค่ไหน ?                                                                                                                      สถิติที่น่าตกใจของ Block Trade ยังไม่ได้จบอยู่เท่านี้ หากถ้าผมถามในเชิงธุรกิจว่าคุณเชื่อหรือไม่ ว่าสินค้าชนิดหนึ่งที่มี Marker Share เป็นอันดับ 1 จะสามารถเพิ่มยอดขายให้โตขึ้นในระดับเฉลี่ย 50% ต่อปี และยังสามารถทำแบบนี้ได้ถึง 5 ปีติดต่อกัน คงเป็นโจทย์ที่ยากพอสมควรใช่ไหมว่าโอกาสเป็นไปได้จะมากแค่ไหน แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นในการเติบโตของ Single Stock Futures

ตารางแสดงสัดส่วนอัตราการเติบโตของปริมาณการซื้อขาย   SSF ในช่วง 5 ปีหลังสุด

หากย้อนกลับไป 5 ปีก่อน จะพบว่า Single Stock Futures มีปริมาณการซื้อแซง SET50 Index Futures ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 และจากตารางพบว่า SSF ยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตไปไว้เฉลี่ยเกินกว่า 50% อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่น่าเซอไพร์สพอสมควร ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ยืนยันได้ว่าปัจจุบัน Single Stock และ Block Trade เป็นเรื่องที่นักลงทุนให้ความสนใจและหลายคนได้ผันตัวเองเข้ามาเล่น Block Trade กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แล้วมีโอกาสโตอีกจริง ๆ ไหม ?

ก่อนจะพูดถึงสถิติถัดไป ตอนนี้ผมขอถามพวกท่านอีกทีนะครับ ว่าการเล่น Block Trade สรุปแล้วคือการเล่นหุ้นหรือ Futures ? เพราะสำหรับผมมันคือการเล่นหุ้น เป็นการเล่นแบบ Super Margin ด้วย ดังนั้นเราลองมาดูสัดส่วนกันดีกว่า ว่าในแต่ละวัน Block Trade คิดเป็นกี่ % ของปริมาณการซื้อ-ขายหุ้นทั้งหมด โดยยกตัวอย่างจากหุ้น BANPU

ตารางแสดงการเปรียบเทียบปริมาณ Block Trade กับปริมาณการซื้อ-ขายหุ้น BANPU ใน 10 วันทำการย้อนหลัง

จากตารางพบว่า ในช่วง 10 วันทำการหลังสุดของหุ้น BANPU มีปริมาณการซื้อขายในกระดานหุ้นเฉลี่ย 58.89 ล้านหุ้น และมีปริมาณซื้อขาย Block Trade เฉลี่ย 9,595 สัญญา คิดเป็น 9,595 สัญญา x 1,000 หุ้น = 9.59 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 16.48% แสดงว่าในทุกวันนี้ คนที่ซื้อ-ขายหุ้น BANPU มีประมาณ 16% ที่เป็นการซื้อขายผ่านกระดาน Block Trade ดังนั้นยังมีอีกมากกว่า 80% ที่ยังไม่ได้ใช้ Block Trade และนี้ คือ ช่องว่างที่ Block Trade จะมีโอกาสขยายตัวได้ต่อในอนาคต                                                                        เป็นไงกันบ้างครับ จากสถิติทั้งหมด พวกท่านคงเห็นได้ชัดแล้วใช่ไหม ว่า Block Trade มีบทบาทสำคัญต่อตลาดหุ้นไทยแค่ไหน แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกนะครับ ว่าทุกวันนี้มีคนเข้าใจ Block Trade จริง ๆ อยู่ไม่เยอะและยังมีคนเข้าใจผิด ๆ อยู่มาก ทั้งเรื่อง Block Trade เป็นการเล่น TFEX ทั้ง ๆ ที่ธุรกรรมทุกอย่างนั้นเกิดบนกระดานหุ้น เพียงใช้ TFEX เป็นเครื่องมือส่งผ่านกำไรขาดทุน เรื่องที่ว่า Block Trade เป็นธุรกรรมที่เข้าถึงยากและซับซ้อน ทั้งที่นักลงทุนที่มีพอร์ต TFEX และซื้อขายหุ้นเป็นก็สามารถเล่นได้ทุกคน เรื่อง Block Trade มีไว้สำหรับรายใหญ่ ทั้งที่นักลงทุนมีเงินเพียงหลักแสน – ล้านต้น ๆ ก็สามารถเล่นกันได้ แถมยังขยายเงินให้สูงถึง 10 เท่าไปเทียบเท่ากับรายใหญ่บางคนเสียด้วย
ในเมื่อทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว และมันส่งผลกระทบต่อการลงทุนของทุกท่าน ผมคิดว่าทุกคนในสังคมควรได้รับรู้ข้อมูลตรงนี้อย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งในเมื่อเราเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ก็ควรใช้มันให้เกิดประโยชน์ และในฐานะที่ผมเองก็ได้ทำการศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับ Block Trade มาพอสมควร ยังมีเรื่องราวอีกมากที่อยากจะนำมาแชร์ให้กับนักลงทุนทุกท่าน ทั้งเรื่องบาดแผลที่ Block Trade เคยก่อเอาไว้ , ความปั่นป่วนของยอดปริมาณการซื้อขายสิ้นวันที่เกิดจาก Block Trade , การวิเคราะห์ต้นทุนของรายใหญ่ที่ถือ Block Trade , และกลยุทธ์อื่น ๆ ที่นักลงทุน Block Trade ใช้อีกมากมายรวมถึงหากถ้ามีเครื่องมืออำนวยความสะดวกใด ๆ ที่คิดว่ามีประโยชน์ก็จะนำมาเผยแพร่ และผมเชื่อว่าสุดท้าย Block Trade จะกลายเป็น 1 ในหน้าประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นไทยเลยก็เป็นได้
(หากท่านใดสนใจแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับ Block Trade สามารถติดต่อหลังไมค์มาคุยกันได้นะครับ และถ้ายังมีคนสนใจอีก 2 เรื่องที่เหลือ ผมขออนุญาตมาแชร์ต่อในวันพรุ่งนี้นะครับ)