สืบเนื่องจากกระทู้เก่าที่ผมตั้งไว้เมื่อคืน “ภาพลวงตาและความผิดเพี้ยนของปริมาณการซื้อขายสิ้นวัน”

ภาพลวงตาและความผิดเพี้ยนของปริมาณการซื้อขายสิ้นวัน

ส่วนตัวก็ไม่ได้คิดว่าจะส่งผลอย่างมีนัยยะในวันต่อมาทันที

หากใครที่อ่านกระทู้และเข้าใจ สิ่งที่พวกท่านควรทำเมื่อเห็นยอดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากผิดปกติ
ท่านควรทำการตรวจสอบยอดซื้อขาย Single Stock Futures ในตลาด TFEX ทันที !
ดังนั้นในวันนี้ผมจะเป็นคนที่นำเสนอข้อมูลเหล่านี้ให้พวกท่านได้รับรู้กัน

รูปแสดงปริมาณการซื้อขายหุ้นของนักลงทุนแต่ละกลุ่ม (ซ้าย) และปริมาณการซื้อขาย SSF ในตลาด TFEX (ขวา)

จากรูปอย่างที่ผมบอกจุดสังเกตพวกท่านไปว่า หากมีการซื้อขายของ บล.หรือต่างชาติแรงเกินไป เราควรดู ใน SSF ซึ่งจากรูปท่านจะเห็นว่า บล.ขายสุทธิค่อนข้างหนักมาก ดังนั้นลองเทียบเคียงกับ SSF ในฝั่งสถาบันท่านจะเห็นว่าพวกเขาเองก็ Long สุทธิมากเกินควรเช่นเดียวกัน

ดังนั้นพอเดากันได้แล้วใช่ไหมครับ ว่าทำไม บล.ต้อง Long สุทธิใน SSF ? คำตอบ คือ เพราะนักลงทุนรายย่อยบางคนถูก Force ใน Block Trade (โดยธรรมชาติรายย่อย”ส่วนใหญ่”เล่นหุ้นหน้าเดียว คือ ฝั่งซื้อ) แปลว่า ถ้าหุ้นลงแรง ๆ เขาจำเป็นต้องถูกบังคับขาย จึงไปบีบให้ Broker ต้องนำหุ้นที่เก็บไว้ออกมาขายด้วยตามกระบวนการ Block Trade เราลองมาดูปริมาณกันคร่าว ๆ กันดีกว่า

รูปแสดงมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดของ Block Trade ในวันที่ 19 มิ.ย. 61

จากรูปพบว่ามูลค่าการซื้อขาย Block Trade วันนี้สูงเกือบ 12,000 ล้านบาท และวันนี้มีปริมาณการซื้อขาย Single Stock รวม 9 แสนสัญญา ดังนั้น หากสถาบัน Long สุทธิกว่า 3 แสนสัญญา (1 ใน 3) แปลว่า บล.จำเป็นต้องขายเพราะขายย่อยส่งคำสั่งใน Block Trade กว่า 3,000 ล้านบาท
แปลว่าแท้จริงแล้วนี่แหละครับ คือเหตผลที่ตัวเลขออกมาผิดปกติเกินไป เพราะรายย่อยบางคน Short หรือ Cut loss หรือโดน Force Close ใน Block Trade

ในอดีตเคยเกิดเหตการณ์เหล่านี้ขึ้น 2 ครั้ง แต่หลายคนอาจไม่ได้ให้ความสนใจ ผมจะลองแชร์ข้อมูลให้พวกท่านได้รับรู้และใช้ในการรับมือกับการลงทุนในวันถัด ๆ ไป แล้วพวกท่านจะทราบว่าทำไมผมถึงบอกกับพวกท่านตลาดหุ้นไม่ควรลงต่อ

เรามาลองดูข้อมูลในอดีตกัน

รูปแสดงการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น 4 ปีย้อนหลัง

เหตุการณ์ที่ผมวงเป็นเหตการณ์ที่ตลาดหุ้นลงแรง “จากการปรับตัวขึ้น” แรงในช่วงก่อนหน้า โดยในปี 57 ถ้าใครจำได้ตลาดหุ้นขึ้นทั้งปี และมาลงเดือน ธ.ค. เพียงเดือน(สัปดาห์)เดียวกว่า 100 จุด   และอีกตอนเดือน ก.ย. ปี 59 (ก่อนเหตการณ์สำคัญช่วง ต.ค. นะครับ)

เรามาลองดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันบ้าง ขออนุญาติแชร์เฉพาะช่วงเดือน ก.ย. 59 นะครับ พอดีเจอข้อมูลแค่ 2 ปีย้อนหลัง

ตลาดหุ้นขึ้นมาส่วนหนึ่งเพราะ Block Trade

จากรูปเป็นหลักฐานว่าในช่วงที่ตลาดขึ้นเดือน มิ.ย. 59 – ส.ค. 59 ปริมาณสถานะคงค้างของยอด SSF เพิ่มจาก 1.1 ล้านสัญญาไปสูงถึง 1.8 ล้านสัญญา โดยในช่วงนั้น หุ้นไทยปรับตัวเพิ่มจาก 1,423 จุด => 1,548 จุด ในเวลาเพียง 2 เดือน  แต่สิ่งที่ผมอยากให้พวกท่านสังเกต คือ อยู่ ๆ ในเดือน ก.ย. ปริมาณสถานะคงค้าง กลับปรับตัวลดลงเหลือแค่ 1.2 ล้านสัญญาในเดือนเดียว คำถามคือเกิดอะไรขึ้น ?

รูปแสดงการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นไทยในเดือน ก.ย. 59

จากรูปนี้คือคำตอบทั้งหมดที่สถานะคงค้างหายไป ! นั้นคือ วันที่ 1 ก.ย. เป็นวันที่ตลาดปรับตัวลดลง และลงแรงอย่างต่อเนื่องติด ๆ กัน จึงทำให้นักลงทุนที่ Block Trade มาทำการทำกำไรหรือคัทลอส โดยเรามาดูการเคลื่อนไหวแบบละเอียดของสถานะคงค้างในช่วงเวลานั้น

รูปสถานะคงค้างของ SSF ในช่วงเวลานั้น

จากรูปพวกท่านจะสังเกตได้ว่า สถานะคงค้างของสัญญา SSF Futures ค่อย ๆ ลดลงและลงไปต่ำสุด โดยหายไปกว่า 30% ในช่วงเดือน ก.ย. ซึ่งยิ่งตอกย้ำมานักลงทุน ทำการปิดสถานะใน Single Stock

แล้วข้อมูลที่สำคัญอีกเรื่องคืออะไร ? หากเราลองย้อนกลับไปดูยอดการซื้อขายสุทธิของช่วงเวลานั้น

รูปแสดงการซื้อขายสุทธิของช่วงเวลานั้น

ดังตัวอย่างจะเห็นว่าในช่วงเดือน ก.ย. 59 ที่ตลาดลง สถานะคงค้างของ SSF ก็ปรับตัวลดลง สอดคล้องกับปริมาณการขายของ Broker ที่ขายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงนั้นโบรคเกอร์เองก็โดนโจมตีว่าเป็นคนทุบตลาดเช่นเดียวกัน เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่า Block Trade ที่รายย่อยเป็นคนปิด ก็เป็นอีก 1 สาเหตที่ทำให้โบรคจำเป็นต้องขายหุ้นตาม order ที่นักลงทุนรายย่อยเป็นคนสั่ง
ดังนั้นพอจะเชื่อมโยงเหตการณ์ได้คร่าว ๆ แล้วใช่ไหมครับ ว่ายังไง เรามาลองดูข้อมูลในปัจจุบันกันบ้าง
ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดมาก ๆ ที่รอบนี้ไม่เหมือนเดิม เราต้องยอมรับว่าตลาดไม่ใช่พึ่งมาลงแค่ช่วงนี้ เพราะจริง ๆ ลงมาก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือนแล้ว ดังรูป

แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือนักลงทุนใน Block Trade มีภูมิต้านทานที่เพิ่มขึ้น สังเกตได้จากสถานะคงค้างที่ยังคงไม่มีใครโดน Force close แต่อย่างใด

เห็นไหมครับ ว่าสถานะคงค้างยังใกล้เคียงกับอดีตเมื่อเดือนก่อน ทั้ง ๆ ที่ตลาดกลับตัวเป็นขาลงแต่นักลงทุนแทบทุกคนยังไม่โดน Force Close จนกระทั่งมาถึงวันนี้ ที่ตลาดปรับตัวลงแรงผิดปกติ เราต้องมาจับตาดูกันว่า ตัวเลข “สถานะคงค้าง” ที่จะประกาศออกมาใน Single Stock Futures จะลดลงต่ำกว่า 3 ล้านสัญญาหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น เราสามารถตีความได้เลยว่า มีนักลงทุนขา Long ถูกบังคับปิดลงมา กดดันตลาดให้มีแรงขายมากผิดปกติ

แล้วปัญหาคืออะไร ?

หากสมมุติฐานที่พูดคุยกันถูกต้อง แปลว่า ณ ระดับนี้นักลงทุนที่เริ่มหน้าเขียวกับการทนถือ Long ใน Block Trade เริ่มทนไม่ไหวแล้วกันแล้ว ดังนั้นแปลว่ายังมีคนอีกจำนวนมากที่กำลังจะเป็นรายต่อ ๆ ไปและโดนบังคับปิดหากเขายังขาดทุนเพิ่มขึ้น
ซึ่งหากถ้าเทียบสัดส่วนเดียวกันกับเดือนกันยา ต้องยอมรับว่านี้เป็นเพียงวันแรกที่เราเห็นนักลงทุนยอมขาย Block Trade ทิ้งหนัก และมีโอกาสได้เห็นอีกหากตลาดปรับตัวลงต่อ
ดังนั้นนี้แหละที่ผมคิดว่าเป็นเงื่อนไขที่ตลาดไม่ควรปรับตัวลงต่อจากนี้ เพราะยังมี Block Trade อีกหลายรายที่กำลังโดน Call Margin และตัดสินใจว่าจะเติมเงินในวันพรุ่งนี้หรือยอมตัดใจขายทิ้งออกไปดี
สุดท้ายขอให้ทุกคนใช้ข้อมูลในส่วนนี้วิเคราะห์กันต่อและเชิญแชร์ทัศนคติกันด้วยเหตด้วยผลกันได้ครับ

สำหรับตัวผมเอง ผมคาดหวังและอยากให้การลงของตลาดจบลงเพียงเท่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่ Block Trade คนอื่น ๆ ต้องถูกบังคับขายตาม
ขอบคุณครับ

ปล.รีบพิมพ์จนบางจุดอาจอ่านไม่รู้เรื่องเดียวจะย้อนกลับไปปรับแต่งคำพูดให้นะครับ