สำหรับกระทู้นี้ตั้งใจตั้งขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนได้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดในช่วงนี้เท่าที่ผมจะสามารถอธิบายได้ หากเป็นไปได้อยากให้ทุกคนอ่านให้จบ และถ้ามีใครมีความเห็นเพิ่มเติมอยากให้ร่วมกันแชร์เพื่อประโยชน์ในสังคมการลงทุน และให้ทุกคนได้เตรียมความพร้อมในการรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นถัดไปต่อจากนี้

ในตอนนี้ทุกคนคงกำลังสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้น ว่าทำไมหุ้นถึงลงหนัก ทำไมโบรคเกอร์และนักลงทุนต่างชาติถึงขายอย่างต่อเนื่อง มันจะเป็นแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ แล้วจะเป็นอย่างไรต่อในอนาคต ? ในฐานะที่ผมเป็นคนหนึ่งที่ลงทุนและทำการศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของตลาด TFEX มาตลอด จึงอยากสรุปให้ทุกคนได้เห็นถึงความจริงในมุมมองของตัวเอง

หลังจากเดินเรื่องมาไกลขอปิดท้ายไว้สักหน่อยนะครับ        

จากบทความที่ฝากไว้ทั้ง 5 บทความ ทุกอย่างมีความสอดคล้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น เรามาลำดับเหตุการณ์พร้อมกับวิเคราะห์ถึงผลกระทบและมาร่วมกันคาดการณ์กันต่อในอนาคต

ทุกคนต้องรู้เรื่อง TFEX และ Block Trade กันได้แล้ว !
ผมขอยืนยันในเจตนาว่าไม่ได้มีความต้องการเชิญชวนนักลงทุนหน้าใหม่ให้เข้ามาในตลาด TFEX โดยที่ยังไม่พร้อม แต่สิ่งที่อยากเห็นคือ นักลงทุนทุกท่านต้องรู้จักตลาด TFEX และวิเคราะห์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับการลงทุนของตนเอง พวกท่านคงอาจยังไม่ทราบว่า นักลงทุนที่มีประสบการณ์ในการลงทุน TFEX เขาพูดถึงวลีตัวหนึ่งที่ไม่มีใครอยากเปิดเผยกันมานานแล้ว

เดียวตลาดจะต้องพังเพราะ Block Trade
นี่เป็นวลีที่นักลงทุนที่มีความชำนาญในตลาด TFEX ต่างพูดถึงและคาดการณ์ (คาดหวัง?) ให้ Block Trade เป็นเสมือนระเบิดเวลาที่ต้องระเบิดออกในสักวัน เพียงแต่ไม่มีใครที่จะนำเอามาพูดกันในที่สาธารณะ เนื่องจากตลาดนี้เป็น zero sum game คือ คนที่ได้กำไรจะต้องได้อยู่บนความทุกข์ของเพื่อนนักลงทุนอีกคนเสมอ ดังนั้นเรื่องข้อมูลข่าวสารเหล่านี้จึงไม่ค่อยถูกพูดถึงกันสักเท่าไหร่ เพราะหากทุกคนรู้ข้อมูลอย่างเท่าเทียมกันคงเป็นเรื่องยากที่จะทำกำไรในตลาด แต่ในวันนี้ผมคิดว่าเรื่องทั้งหมดมัน “เกิดขึ้นแล้ว” จึงไม่จำเป็นต้องมีการปิดบังใด ๆ อีก เราลองมาพิจารณาเรื่องทั้งหมดกันดีกว่า

อันดับแรกทุกคนต้องเข้าใจ Block Trade กันซะที
พวกท่านคิดว่า Block Trade คืออะไร ? ผมไม่รู้ว่าทุกคนจะใช้ทฤษฏีและให้คำนิยามมันว่าอย่างไร แต่คงหนีความจริงไม่พ้นที่ว่าธุรกรรมนี้เป็นการกู้ยืมเงินโบรคเกอร์ในอัตรา 10-20 เท่า เพื่อไปซื้อหุ้น ทั้งยังทำได้ทั้งขา Long และขา Short อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นธุรกรรมใหม่ที่ฉีกกฏและแทบจะฆ่าธุรกรรมแบบเดิม ๆ อย่าง Margin หรือ SBL ทิ้งไปเลย ทำไมผมถึงพูดแบบนั้น ? ลองคิดดูนะครับ คนเราเล่นบัญชี Margin เพราะอะไร ? ก็เพราะต้องการขยายเงินตัวเองให้ซื้อหุ้นได้ครั้งละมาก ๆ ซึ่งจากเดิม Margin โบรคเกอร์ปล่อยกู้ได้แค่ 2 เท่าเท่านั้น แต่หากวันนึงโบรคเกอร์สามารถปล่อยกู้ได้เป็น 10 เท่ามีหรือที่นักลงทุนกลุ่มนี้จะไม่ตอบสนองความต้องการของตนเอง และก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ตามสถิติการเติบโตที่น่าเหลือเชื่อของ Block Trade ที่กล่าวไว้ในบทความแรก

ดาบ 2 คมของการกู้ยืมเงินมาเล่น
ไม่ว่าพวกท่านจะไปฟังสัมมนาที่ไหน ที่เกี่ยวกับ Margin , TFEX หรือ Block Trade ทุกอย่างถูกพูดถึงในมุมของประโยชน์เป็นหลัก คือ หากถูกทางพวกท่านจะได้กำไรเยอะและรวดเร็ว อันนี้ผมคงพอเข้าใจได้ ในฐานะวิทยากรหรือใครสักคนที่ต้องเชิญชวนให้คนมาเล่น หากต้องพรีเซ็นว่า Product นี้มันเสี่ยง มีโอกาสหมดตัวสูง คงไม่มีใครที่จะกล้าเข้ามาเล่นแน่ ๆ แต่ในวันนี้ผมอยากให้ท่านลองมาฟังเรื่องร้าย ๆ ของ Product เหล่านี้ในมุมมองของนักลงทุนคนหนึ่งกันบ้าง

คนที่เล่น TFEX , Block Trade ถ้าขาดทุนต้องทำอย่างไร
หากราคาของสินค้าปรับตัวไปในทิศทางตรงข้ามกับสถานะที่ท่านถือครอง ทางระบบจะมีการคำนวณการขาดทุนที่เกิดขึ้นแบบ Unrealized Profit และตัดเงินในพอร์ตพวกท่านแบบ real time ตามส่วนต่างราคาที่เปลี่ยนไป โดยหาก ณ สิ้นวัน เงินในพอร์ตคงเหลือของใครต่ำกว่าระดับ 70% ของเงินวางขั้นต้นที่ตลาดกำหนด จะถูก Call Margin และหากวันนั้นตลาดปรับตัวผิดทางรุนแรงกว่านั้นทำให้เงินในพอร์ตสูญเสียไปจนเหลือต่ำกว่า 30% ของเงินวางขั้นต้น จะถูก Force Close ซึ่งตามกฎพวกท่านมีหน้าที่หาเงินมาเติมในวันรุ่งขึ้นให้กลับเข้าไปเท่ากับเงินวางขั้นต้น หากใครไม่ทำตามก็ต้องถูกบังคับปิดสถานะ ในกรณี Block Trade ที่ต้องใช้ Single Stock Futures ที่เป็น Product ในตลาด TFEX เป็นตัวส่งผ่านกำไรขาดทุนก็คงเลี่ยงกฏเหล่านี้ไม่ได้ โดยสามารถอธิบายได้ดังรูป

รูปแสดงธุรกรรมการ Call Margin ของธุรกรรม Block Trade

จากรูปหากใครที่ทำธุรกรรม Block Trade และกู้เงินโบรคเกอร์ไปซื้อหุ้นในระดับ 10 เท่า เพียงแค่หุ้นปรับตัวลดลงมากกว่า 3% พวกเขาจะเข้าเกณฑ์ Call Margin ทันที ดังนั้นหน้าที่ของพวกเขาคือต้องหาเงินมาเติมในวันทำการถัดไป หากไม่เติมหรือหาเงินมาเติมไม่ทันก็จะต้องถูกบังคับปิดสถานะก่อนปิดตลาดวันนั้น และทำให้โบรคเกอร์ที่ซื้อหุ้นเก็บไว้ก็ต้องขายหุ้นทิ้งในกระดานตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แปลว่าหุ้นลงแค่ 3% พวกที่เล่น Block Trade จะต้องถูกปิดสถานะ !

ในส่วนนี้อย่าพึ่งตกใจกันไปครับ เพราะตามนิสัยของนักลงทุนพวกเขาไม่ยอมปล่อยให้การขาดทุนแค่ 3% มาทำให้พวกเขาต้องยอมตัดขาดทุนทิ้งไปหรอก นักลงทุนเขาสามารถหาเงินในส่วนอื่นมาเติมได้ ดังนั้นการขาดทุนแค่ 3%-5% ยังไม่เป็นอันตรายสำหรับคนเหล่านี้ ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น ที่ผ่านมา Block Trade ไม่เคยสร้างความเสียหายหนักให้กับนักลงทุน โดยสามารถพิจารณารายละเอียดดังรูป

รูปแสดงการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (มิ.ย. 59 – มิ.ย.61)

ช่วงที่ผ่านมาตลาดสร้างนิสัยเสีย ๆ ให้นักลงทุนใน TFEX และ Block Trade
             จากรูปหลังจากผ่านเหตุการณ์ที่คนทั้งประเทศลืมไม่ลงในช่วงเดือน ต.ค.ปี 59 (เส้นสีขาว) ตลาดหุ้นได้เดินหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นในลักษณะ Sideways Up พร้อมมีการกระชากตัวขึ้นตลอดเวลา โดยแทบไม่มีขาลงให้เห็น โดยมีช่วงย่อตัวลงมาทั้งหมด 4 ครั้ง ตามหมายเลขในภาพ
          หมายเลข 1 ตั้งแต่ 26/1/60 – 13/3/60 เป็นระยะเวลา 2 เดือนกว่า ตลาดปรับตัวลดลงจาก 1600 => 1530 เป็นจำนวน 70 จุด จากนั้นดีดขึ้นกลับไปที่เก่า
             หมายเลข 2 ตั้งแต่ 12/4/60 – 15/5/60 เป็นระยะเวลา 1 เดือนกว่า ตลาดปรับตัวลดลงจาก 1590 => 1530 เป็นจำนวน 60 จุด จากนั้นดีดขึ้นกลับไปที่เก่าและ sideways อยู่สักพักแล้วกระชากขึ้นไปทำแนวโน้มขาขึ้นต่อ
หมายเลข 3 ตั้งแต่ 16/10/60 – 6/12/60 เป็นระยะเวลา 1 เดือนกว่า ตลาดปรับตัวลดลงจาก 1730 => 1680 เป็นจำนวน 50 จุด จากนั้นกระชากกลับไปทำ New high ทันที
            หมายเลข 4 ตั้งแต่ 1/2/60 – 20/4/60 เป็นระยะเวลา 2 เดือนกว่า ตลาดปรับตัวลดลงจาก 1850 => 1730 เป็น จำนวน 120 จุด จากนั้นก็ดูเหมือนจะพยายามเอาขึ้นต่อให้ได้
ซึ่งนี้คือการย่อตัวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา หากคิดเป็น %ไม่มีรอบไหนที่ปรับตัวลึกลงแรงเกินกว่า 7% และที่สำคัญทุกรอบมีการพยายามปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือทำจุดสูงสุดใหม่เสมอ จนทำให้นักลงทุนลืมเริ่มเหตุการณ์ร้าย ๆ และเปลี่ยนพฤติกรรมการลงทุนของตนเอง

TFEX เล่นง่ายจะตาย ลงไปก็รับขึ้นมาก็ขาย
            พวกท่านอาจไม่เชื่อแต่นี้คือคำพูดที่ผมได้ยินจากเพื่อนนักลงทุนมือใหม่ในตลาด TFEX ตลอดช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา และมีคนพูดแบบนี้ไม่ต่ำกว่า 10 คน หนักเข้าหน่อยถึงขนาดด่าทอคนที่รักษาวินัยในการคัทลอสว่าเป็นพวกไม่มีน้ำยาอ่านตลาดไม่ขาด และการคัทลอสเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นเลยในตลาด TFEX ซึ่งนี่คือรูปแบบการลงทุนของนักลงทุน TFEX  ในช่วงที่ผ่านมา โดยผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ตลาด(หรือนักลงทุนในตลาดสักกลุ่ม) “ตั้งใจ” ทำให้เกิดขึ้น  เพื่อให้ทุกคนเสพติดไปกับแนวคิดที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ และอาศัยจังหวะในอนาคตเพื่อใช้ฉกฉวยโอกาสทำกำไรจาก Mindset ที่ผิดพลาดพวกนี้

ทุกอย่างเป็นเรื่องที่ผมอุปมาขึ้นไปเอง ?
หลายคนอาจจะมองว่าผมอาจมโนเรื่องแบบนี้ขึ้นมาเองหรือเปล่า ความเป็นจริงมันอาจไม่ได้ลึกขนาดนั้น นักลงทุนอาจจะไม่ได้ประมาทอย่างที่ผมเกริ่นไว้ ดังนั้นลองมาดูหลักฐานเชิงพฤติกรรมของนักลงทุนใน Block Trade กันดีกว่า
สิ่งแรกที่ผมอยากให้พวกท่านได้รับรู้คือ “ชัยชนะ” ของ Block Trade เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจว่าทำไม Block Trade ถึงขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา

ทุกครั้งที่ตลาดขึ้นรอบใหญ่สถานะคงค้างของ Block Trade เพิ่มตามขึ้นเสมอ

อย่างที่ทุกคนคงจำกันได้ ว่าในช่วงที่ผ่านมาตลาดมีการขึ้นอย่างร้อนแรง 2 รอบใหญ่ ๆ โดยรอบแรก คือช่วงที่หลุดพ้นจากตอน Sideways 8 เดือนในปีที่แล้ว (25 ส.ค. – 17 ต.ค.) และรอบที่ 2 คือช่วงปลายปีต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีนี้ (12 ธ.ค. – 31 ม.ค.) เรามาลองมาดูกันว่าในตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกับธุรกรรม Block Trade

รูปแสดงปริมาณสถานะคงค้างในธุรกรรม Block Trade ใน Single Stock ของช่วงขาขึ้นรอบที่ 1

รูปแสดงปริมาณสถานะคงค้างในธุรกรรม Block Trade ใน Single Stock ของช่วงขาขึ้นรอบที่ 2

จากรูปจะเห็นว่า “สถานะคงค้าง” ของธุรกรรมใน Single Stock Futures มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้น บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามีนักลงทุน “สะสม” สถานะของ Block Trade มากขึ้น ดังนั้นแทบไม่ต้องสงสัยกันเลยว่าการปรับตัวขึ้นแต่ละรอบสร้างความสุขให้นักลงทุนเหล่านี้มากแค่ไหน (หรือ Block Trade อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย) และทุกคนคงเลิกสงสัยกันแล้วใช่ไหมว่าครับ ว่ากลิ่นของกำไรจาก 2 รอบนี้เย้ายวนให้คนมาสนใจ Block Trade มากแค่ไหน

*ในอดีตมีอีกหลายรอบกว่านี้เพียงแต่ข้อมูลของทางตลาด TFEX ย้อนหลังดูสถานะคงได้แค่ 2 ปี

ถึงคราวต้องจ่ายค่าตอบแทนคืนบ้าง

หากตลาดหุ้นเล่นหุ้นมันเล่นง่ายขนาดนั้นผมเชื่อว่าคงรวยกันครึ่งค่อนประเทศไปแล้ว เอาละครับผมต้องขอกระชากอารมณ์กลับและปลุกให้นักลงทุนทุกท่านไม่ฝันหวานกับเรื่องก่อนหน้า เพราะถึงเวลาที่คนเหล่านั้นเขาต้องจ่ายค่าตอบแทนความสุขที่เกิดขึ้นได้แล้ว ทั้งมือใหม่ที่ดูถูกตลาด TFEX , ทั้งพวก Overtrade ที่ไม่เก๋าพอใน Block Trade หรือพวกไม่รู้อิโหน่อิเหน่ตาม ๆ เขามาโดยขาดความรู้ที่ถูกต้อง เรามาดูวิธีเอาคืนของตลาด(นักลงทุนในตลาด?)กันดีกว่า

ลองจับสมการมารวมกันของ Block Trade + ความโลภไม่มีวินัยและคิดว่าตลาดเล่นง่าย

ภาพต่อไปที่ผมจะโชว์ให้ทุกคนดู คือภาพที่เหตุการณ์ที่ทุกคนห้ามเอาเยี่ยงอย่างเป็นอันขาด

รูปแสดงพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องกันระหว่างราคากับปริมาณสถานะคงค้าง

จากรูปที่พวกท่านเห็นนั้นเกิดเรื่องแปลกที่ไม่สมควรเกิดขึ้นเลยในตลาด พวกท่านสังเกตไหม ? จังหวะต่อมาที่ดัชนีปรับตัวลดลงมาอีกกว่า 100 จุด (เม.ย. 61- พ.ค 61) แต่ปริมาณสถานะคงค้างใน Block Trade กลับทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 3.26 ล้านสัญญา (คิดเป็นมูลค่าราว ๆ 4-5 หมื่นล้านบาท) ซึ่งขัดกับเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ปริมาณสะสมควรเกิดขึ้นตอนทุกคนช่วยกันลากหุ้นขึ้นและขัดต่อหลักการในการเก็งกำไรที่ถูกต้อง ! แทนที่ผิดทางจะยอมแพ้แล้วมอบตัวและคัทลอส แต่พวกเขากลับเลือกจะสู้ต่อโดยการเปิดเพิ่มสถานะเพิ่ม ทุกคนลองมาเดาเล่น ๆ กันดีกว่าว่าในเวลานั้นความคิดของพวกเขาประมวลผลไว้ว่าอย่างไร ?
“เห้ย 4 รอบก่อนหน้าตลาดย่อตัวลงไป สุดท้ายก็ดีดกลับมาทำ New High ต่อ ยังไงรอบนี้ก็คงเป็นเหมือนเดิม ดังนั้นต่ำขนาดนี้ไม่ซื้อได้ไง”
“จำได้ป่าว พวกที่มันเคยถือ Long แล้วเลือกคัทลอสตอนนั้น นั่งน้ำตาตกบ่นเสียดายมากี่คนต่อกี่คนแล้ว”
“สมัยนี้ฝรั่งมันไร้น้ำยาแล้ว ขายไปยังไงก็ไม่มีผลต่อตลาดหุ้น กองทุนและรายย่อยอย่างพวกเราต่างหากที่คุมอำนาจไว้ ถ้ายังช่วยกันซื้อหุ้นยังไงหุ้นก็ขึ้นต่ออยู่แล้ว”

หรืออีกหลาย ๆ อย่างที่สามารถจินตนาการไปในทิศทางบวกได้  ซึ่งนี่คือความน่ากลัวที่ผมบอกกับพวกท่านว่าตลาดได้สร้างนิสัยเสีย ๆ ให้กับนักเก็งกำไรในช่วงที่ผ่านมา

ถึงเวลาได้รับบทเรียนจากความคิดที่ผิดพลาดเหล่านั้น

แต่มาถึงรอบนี้ ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่คนเหล่านั้นคาด เพราะตลาด(หรือคนบางกลุ่มในตลาด?) กลับไร้ความปราณีและทำการลงโทษนักลงทุนพวกนั้น ด้วยการไม่ทำให้ความคิดของพวกเขาสมหวัง และเลือกจะปรับตัวไปในทิศทางตรงข้ามกับอดีตก่อนหน้า สุดท้ายตลาดปรับตัวลดลงและรุนแรงเกินกว่าที่คนกลุ่มนี้จะคาดคิดไว้ โดยปัจจุบันตลาดปรับตัวลงมากว่า 15% เมื่อเทียบกับจุดสูงสุด … แต่เดียวก่อนนะ ทุกคนยังจำในย่อหน้าก่อนได้ใช่ไหมครับ ? ว่าหากใครเล่น Block Trade เต็มกำลัง เพียงแค่หุ้นลง 3-5% เขาก็ต้องโดนเติมเงินแล้ว แล้วการลงในระดับ 10-15% ที่เกิดขึ้นนี้พวกท่านคิดว่านักลงทุนกลุ่มนี้กำลังมีสภาพเป็นอย่างไร ? ใช่ครับ นี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่ใช่เล่น ๆ การลดลงของราคาหุ้นระดับ 15% โดยเฉลี่ยนี่เรียกได้ว่า ทำให้หลายคนขาดทุนเกินเงินต้นที่วางประกันมาไกล ดังนั้นไม่แปลกอะไรที่จะมีคนบางคนทนพิษบาดแผลไม่ได้ และไม่สามารถหาเงินมาเติมได้ต่อ

ทุกคนคงเริ่มเห็นถึงต้นตอของปัญหาการลงครั้งนี้กันแล้วใช่ไหมครับ รอบนี้มันแย่กว่าที่คิดนิดหน่อย ตรงที่การลงระลอกแรก นักลงทุนส่วนใหญ่เลือกจะถือต่อแถมเปิดเพิ่มเพราะมั่นใจและยึดติดกับพฤติกรรมในอดีตที่ตลาดดีดตัวทุกครั้งที่มีการย่อตัว ดังนั้นการลงแรงอีกระลอก (ปัจจุบันนี้) คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลายคนเริ่มไม่ไหวและต้องยอมแพ้ “หมดตัว” ออกจากเกมส์กระดานนี้

ถ้ามันจะจบแค่ความพ่ายแพ้ของคนไม่พร้อมเพียงไม่กี่คนก็คงดี

เอาละครับ ถึงไฮไลท์ของบทความนี้แล้ว พวกท่านรู้ใช่ไหมว่าหากตัวโดมิโน่ที่เวลาตัวนึงล้มแล้ว ตัวถัด ๆ ไปที่ถูกวางเรียงใกล้ ๆ กันจะเป็นอย่างไร ? ซึ่งก็นั้นแหละครับ คือเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นนักลงทุนในตลาด TFEX และ Block Trade พอมีคนหนึ่งทนไม่ไหว ถูกบังคับปิดไป ก็ต้องทำให้โบรคเกอร์ต้องเอาหุ้นออกมาขายทิ้ง กดให้ราคาหุ้นต่ำลงไป ส่งผลให้คนอีกกลุ่มที่ยังกัดฟันสู้เริ่มจะทนพิษบาดแผลไม่ไหว หาเงินเติมไม่ทันและก็บังคับขายกันอีกเป็นทอด ๆ นี่แหละคือเรื่องที่ร้ายแรงที่สุดของรอบนี้ ! เราเองก็ไม่รู้ว่าการลงรอบนี้จะมีคนต้องถูกบังคับปิดใน Block Trade อีกเป็นจำนวนเท่าไหร่ แล้วจะไปกระทบจุดทริคเกอร์ของบัญชี Margin อีกหรือไม่ หรืออาจไปโดนจุดสต๊อปลอสของรายใหญ่หรือกองทุนไหนอีกหรือเปล่า

รูปแสดงผลกระทบต่อเนื่องของนักลงทุนใน Block Trade ที่เกิดจากการโดนบังคับปิด
    

ความหดหู่มันยังไม่จบเพียงเท่านี้
ผลของปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อเนื่องที่เกิดขึ้นจากการขาย Block Trade ยังลามไปถึงเรื่องจิตวิทยาการลงทุนมวลรวมของนักลงทุนทั้งประเทศ ที่สะท้อนออกมาในรูปปริมาณการซื้อขายสิ้นวัน จำบทความก่อนหน้าได้ไหมครับ ?

ภาพลวงตาและความผิดเพี้ยนของปริมาณการซื้อขายสิ้นวัน

>> ภาพลวงตาและความผิดเพี้ยนของปริมาณการซื้อขายสิ้นวัน

ผมตั้งใจออกบทความนี้เพราะอยากให้ทุกคนได้ตระหนักถึงและเลิกตื่นตระหนกเวลาเห็นยอดการขายรุนแรงของทั้ง บล.และต่างชาติในวันที่หุ้นตกแรง ๆ (ช่วงนี้ก็เช่นกัน) เพราะนี่คือปฏิกิริยาลูกโซ่อีกเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากการที่รายย่อยตัดสินใจ cut loss หรือถูกบังคับปิดใน Block Trade  โบรคเกอร์ทั้งในและนอกประเทศที่รับทำธุรกรรมไว้ต้องเอาหุ้นออกมาขาย ดังนั้นตัวเลขยอดการขาย มันจึงไปโผล่อยู่ในบัญชีของทั้ง บล. และ นักลงทุนต่างประเทศแทนที่จะเป็นของนักลงทุนรายย่อย ทำให้ดูเหมือนทั้ง 2 กลุ่มนี้ขายถล่มหนักกว่าเดิม โดยตราบใดที่ Block Trade ยังคงถูกบังคับปิดอย่างต่อเนื่องแบบนี้ ตัวเลขยอดคงโดนกดดันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เอาละครับ เราลองมาดูมูลค่า Block Trade ที่เหลือจากรูป

รูปแสดงสถานะคงค้างและมูลค่าสถานะคงค้างทั้งหมดของ Single Stock Futures

จากรูปจะเห็นว่าใน Single Stock Futures ยังเหลือสถานะคงค้างจำนวน 2 ล้านกว่าสัญญา ซึ่งคิดเป็นมูลค่าทั้งหมดประมาณ 2 หมื่น 5 พันล้านบาท ที่ยังคงรอดูอาการอยู่ว่าจะเป็นอย่างไรต่อ ดังนั้น ถ้าเราลองเทียบบัญญัติไตรยางศ์แบบง่าย ๆ แปลว่า การที่ Block Trade กำลังถูกขายออกไปทุก ๆ 1 แสนสัญญา จะเทียบเท่ากับการที่บริษัทหลักทรัพย์และต่างประเทศจะต้องนำหุ้นออกมาขายประมาณ 1 พันล้านบาท ผมอยากให้ทุกคนพิจารณาตัวเลขทุกสิ้นวันให้รอบคอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้

คนทำแบบนี้เขาได้อะไร ?

จริง ๆ แล้วก็ไม่อยากคาดการณ์หรือใส่ร้ายว่าเหตุการณ์แบบนี้มีคน “จงใจ” ทำหรืออาศัยจังหวะข่าวร้ายที่เหมาะสมในการ “ตั้งใจ” ทำ เพียงแต่หากมองกันแบบเชิงกลยุทธ์ที่คาดหวังผลตอบแทนเป็นหลัก และดูยอดในกระดาน TFEX แล้วพบว่า มีกลุ่มหนึ่งที่เขาได้ประโยชน์จากการที่หุ้นเป็นขาลงอยู่  โดยทุกคนยังจำบทความที่แล้วได้ไหมครับ (ที่ไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจเท่าไหร่)

https://pantip.com/topic/37812688 >> การจัดฉากของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย

และจากการเก็บข้อมูลแล้วพบว่า ในรอบนี้หากนับเฉพาะรอบขาลงตั้งแต่วันที่ 25 เม.ษ. 61 – 29 มิ.ย. 61 (ปัจจุบัน) นักลงทุนต่างชาติทำสถานะ Short สุทธิใน SET50 Index Futures ทั้งหมด 73,485 สัญญา ซึ่งเป็นตัวที่ค่อนข้างสูง โดยเมื่อคิดเป็นมูลค่าจะมีมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท ดังนั้นแปลว่า ทุก ๆ การลงของตลาดหุ้นลง 1% เขาจะมีกำไรเข้ากระเป๋า 150 ล้านบาทในตลาด TFEX และคงเป็นแรงจูงใจที่คุ้มค่าที่จะทำ และเกมส์นี้ไม่ต้องเหนื่อยอะไรมาก หากเขาแค่ทำให้โดมิโน่เอฟเฟคนั้นเกิดขึ้นได้

เพียงเท่านี้พวกท่านคงพอเข้าใจแล้วใช่ไหมครับ ว่าทำไม Block Trade ถึงถูกนิยามว่าเป็นระเบิดเวลาที่มีคนตั้งใจทำให้มันพองขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งการทำให้เห็นว่า Block Trade มันแสนหวาน , การหลอกล่อนักลงทุนด้วยแนวคิดผิด ๆ ให้ไร้วินัย และผมคิดว่าแผนการทุกอย่างถูกเตรียมการไว้ตั้งแต่แรกที่มีธุรกรรม Block Trade เพียงแต่วันสุกงอม และรอใครสักคนมาจุดชนวน ซึ่งในเวลานี้ผมคิดว่าคนกลุ่มนั้นทำสำเร็จแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดคิด โดยดูได้จากรูปนี้

รูปแสดงปริมาณการซื้อขายและสถานะคงค้างของ Single Stock Futures ในช่วงเดือน มิ.ย.61


Block Trade ปิดหนีตายมาแล้วกว่า 35%
             จากรูปเพียงเดือนที่ผ่านมาเดือนเดียว ปริมาณสถานะคงค้างของ Block Trade หายไปถึง 1 ล้านสัญญา ! (ถ้าคิดเป็นมูลค่าอยู่ประมาณ 1-2 หมื่นล้านบาท) หรือคิดเป็น 35% ของทั้งหมด สอดคล้องกับที่ตลาดปรับลดลงอย่างต่อเนื่องแทบจะทุกวันทำการ โดยเฉพาะช่วงใกล้สิ้นวันที่ต้องมีแรงขายของบางคนที่ตัดสินใจไม่เติมเงินสู้ต่อ และในตอนนี้ผมคิดว่าคงไม่มีใครอยากขายหุ้น เพียงแต่มีบางคนที่ไม่ขายไม่ได้ !

แล้วสุดท้ายจะจบอย่างไร ?
อย่างที่บอกครับว่าตอนนี้ระเบิดลูกนี้ “เกิดระเบิดขึ้นแล้ว” และอยู่ในสภาวะลุกลามเป็นทอด ๆ ดังนั้นจุดจบของเรื่องนี้แบ่งเป็น 2 กรณี

กรณีที่ ตลาดต้องลงต่อเพื่อล้างนักลงทุน Block Trade ที่สายป่านสั้นออกให้หมด
กรณีนี้เป็นทางที่ดูเหมือนโหดร้าย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือเกมส์การเงิน หากใครพลาดแล้วก็มีโอกาสที่จะโดนลงโทษแบบถึงที่สุด นั้นคือ หากรายใหญ่หรือพวกนักลงทุนทุกท่าน (รวมถึงข่าวร้าย ๆ) พร้อมใจกระหน่ำซ้ำเติมโดยการไม่ซื้อหุ้น(หรือขายทิ้ง) นักลงทุนที่ชอบความเสี่ยงโดยใช้เครื่องมือเหล่านี้ต้องโดนดีดออกจากตลาดและล้างสถานะออกไปให้หมด กรณีนี้อาจเห็นตลาดแพนิคเพื่อกระชากให้ต่ำสุดเพื่อล้างไพ่และเริ่มต้นเล่นกันใหม่อีกรอบ (ทุกคนสามารถเฝ้าจับตาได้จากจำนวน OI คงเหลือใน Block Trade)
*ผมเข้าใจนะครับว่า OI บางทีอาจจะเป็นของคนที่ Short ไว้ก็ได้ แต่จากนิสัยของนักลงทุน 8090% อยู่หน้า Long เป็นหลัก ซึ่งหากใครอยากจำลองสถานการณ์ด้วยตัวเองก็สามารถเปลี่ยนสมมุติฐานเหล่านี้ได้)

กรณีที่ 2 ตลาดต้องเฉลยจุดต่ำสุดเพื่อให้นักลงทุนเหล่านี้ได้มีโอกาสตั้งตัว
             กรณีนี้เป็นทางที่หลายคนอยากเห็นมากกว่า (ผมคนหนึ่ง) คือการที่สภาวะตลาดกลับมาเป็นปกติและให้จุดนี้เป็นจุดต่ำสุด โดยช่วยกันซื้อเพื่อไม่ให้ตลาดสร้าง Low ใหม่ ให้นักลงทุนกลุ่มนี้ได้ตั้งหลักได้หาเงินมาเพิ่มสายป่านหรือหากลยุทธ์รับมือกับสภาวะตลาดและหยุดปฏิกิริยาลูกโซ่นี้ลง ซึ่งจากข้อมูลในอดีตผมคิดว่าจุดนี้น่าจะเป็นจุดที่เหมาะสมแล้วกับการดีดให้นักลงทุน Block Trade จำนวน 30-40% ออกจากตลาดไป (ในอดีตปี 59 ก็หายไปประมาณนี้)
             สุดท้ายผมเป็นเพียงผู้ที่ทำการนำข้อมูลมาให้ทุกคนได้รับรู้ ส่วนใครที่อยากให้ตลาดเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับอำนาจเงินและหุ้นในมือของทุก ๆ ท่าน ขอให้ทุกคนพิจารณาอย่างรอบคอบในกำหนดกลยุทธ์การลงทุนของตนเอง

สุดท้ายใครที่ผ่านเข้ามาแล้วอ่านกระทู้นี้จนจบ ผมอยากรวบรวมนักลงทุนที่ลงทุนในตลาด TFEX อยู่แล้ว และมีแนวคิดในการลงทุนอย่างเป็นระบบทั้งคนหรือกลุ่มคนที่ใช้ระบบเทรดอยู่แล้ว เพื่อมาแบ่งปันความรู้และร่วมกันพัฒนาและช่วยกันหา Logic ที่สามารถอยู่รอดในตลาดอย่างยั่งยืน รวมไปถึงผู้ที่สนใจแต่ยังไม่มีความรู้ โดยเราจะมีการสอนใช้โปรแกรมต่าง ๆ ให้รวมถึง Data ต่าง ๆ ที่จำเป็นให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
และสำหรับนักลงทุน TFEX ท่านอื่น ๆ ที่รู้ตัวเองว่ากำลังได้ค่าธรรมเนียมในอัตราปกติหรือคิดว่าไม่เหมาะสมกับปริมาณการเทรดของตนเอง (จะพอร์ตเล็กก็ได้นะครับ) ทางเรายินดีจับรวมกลุ่มครั้งใหญ่ โดยจะพยายามรวบรวมไว้มากที่สุดเพื่อต่อรองให้ได้ระดับ 2x บาทต่อขา (และลดลงอีกในอนาคต) นอกจากนี้หากเรามีเรื่องราวใหม่ ๆ ทั้งความรู้และนวัตกรรมต่าง ๆ เรายินดีนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ให้กับทุกคนที่ร่วมใจกัน จากนี้ไปทางเราจะขอกลับเข้าไปอยู่ในมุมของเราและพัฒนาการลงทุนในแนวทางของตนเอง พร้อมกับผู้ร่วมอุดมการณ์กลุ่มใหม่ ๆ ที่มีแนวคิดเหมือนกัน เราขออวยพรให้นักลงทุนทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนตามแนวทางของตนเอง ขอบคุณครับ